การยกระดับความรู้ด้านกฎหมายในชีวิตประจำวันของประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาการถูกเอาเปรียบจากสังคม ในพื้นที่ ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการถูกเอารัดเอาเปรียบเนื่องจากการไม่รู้กฎหมายของประชาชน ในพื้นที่ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ 2) เพื่อจัดกิจกรรมฝึกอบรมเพื่อยกระดับความรู้ทางกฎหมายเพื่อลดการถูกเอารัดเอาเปรียบเนื่องจากการไม่รู้กฎหมายของประชาชนในพื้นที่ ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ วิธีการวิจัยแบบผสม โดยวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลโคกมั่งงอย จำนวน 200 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถามวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Description Method)  ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

          ผลการวิจัยพบว่า การถูกเอารัดเอาเปรียบเนื่องจากการไม่รู้กฎหมายของประชาชน ในพื้นที่ ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบและความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่นการละเมิดสิทธิชุมชน ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน การละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน การละเมิดสิทธิสตรี การละเมิดสิทธิของคนพิการ และสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของผู้หญิง ผลจัดกิจกรรมฝึกอบรมเพื่อยกระดับความรู้ทางกฎหมายเพื่อลดการถูกเอารัดเอาเปรียบเนื่องจากการไม่รู้กฎหมายของประชาชนในพื้นที่ ตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ สถานที่ดำเนินการ : องค์การบริหารส่วนตำบลโคกมั่งงอย ตำบลคอนสวรรค์ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ  วันเดือนปีที่ดำเนินการ :/14-16 พฤษภาคม 2565/ กลุ่มเป้าหมาย :  จำนวน 200 คน ประกอบด้วย ประชาชนตำบลโคกมั่งงอย อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ โดยวิทยากรที่มีประสบการณ์ทั้งเชิงวิชาการและเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ คณาจารย์สาขาวิชานิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ องค์ความรู้ที่ถ่ายทอดทางกฎหมายเพื่อลดการถูกเอารัดเอาเปรียบ มีดังนี้ ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน กฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน กฎหมายเกี่ยวกับการก่อสร้าง กฎหมายเกี่ยวกับชุมชน กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการเกษตร กฎหมายเกี่ยวกับสหกรณ์ และกฎหมายอื่นๆ ผลการศึกษาระดับความความคิดเห็นต่อการเข้าร่วมกิจกรรมฝึกอบรมเพื่อยกระดับความรู้ทางกฎหมายในชีวิตประจำวันของประชาชน ในภาพรวมพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมภาพรวม ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ย 4.94 คิดเป็นร้อยละของระดับความพึงพอใจเท่ากับ 97.80 เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุดทุกด้าน