การใช้กลวิธีการสอนอ่านแบบ ดี อาร์ ที เอ เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และเปรียบเทียบผลก่อนเรียนและหลังเรียนการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยการใช้กลวิธีการสอนอ่านแบบ ดี อาร์ ที เอ และเพื่อศึกษาเจตคติต่อการสอนอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยการใช้กลวิธีการสอนอ่านแบบ ดี อาร์ ที เอ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านเพิ่ม (อรุโณอุปถัมภ์) จังหวัดอุดรธานี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 4
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 18 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม แบบแผนของการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ และแบบวัดเจตคติต่อการสอนอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยการใช้กลวิธีการสอนอ่านแบบ ดี อาร์ ที เอ ดำเนินการทดลองใช้ระยะเวลา 12 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบทีแบบไม่อิสระ และการทดสอบทีแบบกลุ่มเดียว ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1) นักเรียนมีคะแนนความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 13.66 คิดเป็นร้อยละ 34.16 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 30.11 คิดเป็นร้อยละ 75.16 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 และเมื่อทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยพบว่าความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 2) นักเรียนมีเจตคติต่อการสอนอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยการใช้กลวิธีการสอนอ่านแบบ ดี อาร์ ที เอ อยู่ในระดับดีมาก
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
การอนุญาตให้ใช้ข้อความ เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ของสิ่งพิมพ์ ผู้ใช้รายใดก็ตามที่จะอ่าน ดาวน์โหลด คัดลอก แจกจ่าย พิมพ์ ค้นหา หรือเชื่อมโยงไปยังข้อความทั้งหมดของบทความ รวบรวมข้อมูลสำหรับการจัดทำดัชนี ส่งต่อเป็นข้อมูลไปยังซอฟต์แวร์ หรือใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายอื่นใด แต่ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์หรือมีเจตนาเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจใดๆ เผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า (Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License)
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License
References
Anderson, N. J. (1999). Exploring second language reading: Issues and strategies. Heinle & Heinle.
Campbell, D. T. & Stanley, J. C. (1969). Experimental and quasi-experimental design for research. Houghton Mifflin.
Coleman, H. (2010). The English language in development. British council.
Hedge, T. (2001). Teaching and learning in the language classroom. Oxford University Press.
Jaisamut, W. & Luangrangsee, P. (2024). The development of reading comprehension ability by using directed reading-thinking activity for grade 6 students. The Journal of Institute of Trainer Monk Development, 7(3), 473-483.
Miller, W. H. (1990). Reading comprehension activities kit: ready-to-use techniques and worksheets for assessment and instruction. The Center for Applied Research in Education.
Ministry of Education. (2008). Basic Education Core curriculum. BE. 2551 (A.D. 2008). The Agricultural Co-Operative Federation of Thailand.
Nerim, N. (2020). Scrutinizing directed reading thinking activity (drta) strategy on students' reading comprehension. Journal of Languages and Language Teaching, 8(2), 128-138. https://doi.org/10.33394/jollt.v8i2.2284
Richards, J. C. (2015). Key issues in language teaching. Cambridge University Press.
Sroinam, S. (2012). Principle of teaching. Udon Thani Rajabhat University.
Stauffer, R. G. (1969). Directing reading maturity as a cognitive process. Harper & Row.
Sweet, A. P. & Snow, C. E. (2003). Rethinking reading comprehension. Guilford Press.
Tierney, R. J.,& Readence J.E., (2005). Reading strategies and practices: a compendium (6th ed). Allyn and Bacon.