แนวทางการพัฒนาการส่งเสริมอาชีพจากอัตลักษณ์ชุมชนบ้านใหม่ ตำบลตระแสง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

ผู้แต่ง

  • พัทธพล สุขบรรณ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • รวีวรรณ ตามสันเทียะ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • จักรพันธ์ เสาร์ทอง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์
  • อธิมาตร เพิ่มพูน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

DOI:

https://doi.org/10.14456/jasrru.2023.16

คำสำคัญ:

แนวทาง, การพัฒนา, ส่งเสริมอาชีพ, อัตลักษณ์ชุมชน, บ้านใหม่

บทคัดย่อ

          การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์ชุมชน และแนวทางในการพัฒนาและการส่งเสริมอาชีพชุมชนบ้านใหม่ ตำบลตระแสง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยเป็นการศึกษาเชิงคุณภาพ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ ผู้นำชุมชน ตัวแทนชาวบ้าน ผู้นำทางศาสนา บุคคล สำคัญของชุมชน โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย ได้แก่ การศึกษาเอกสาร การสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา และวิเคราะห์เนื้อหาแล้วนำข้อมูลมาสรุปและเสนอแนะ

ผลการวิจัย พบว่า 1) อัตลักษณ์ของชุมชนบ้านใหม่ มีอารยะธรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตควบคู่กับลำน้ำชี เป็นชุมชนโบราณ อายุกว่า 200-150 ปี มีกลุ่มชาติพันธุ์และภาษาเป็นไทยเขมร ใช้การรำเรือมตรด เป็นการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่และมีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย และยังมีโบราณสถานเจดีย์หลวงตาผู้ที่สร้างวัด ตั้งแต่สมัยโบราณอันเป็นที่เลื่อมใสและศรัทธาของประชาชน ประดิษฐานอยู่ ณ วัดสกอร์ตะโมก อีกทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สำคัญ คือ การนำดินจากลำน้ำชี มาทำเป็นเตาอั้งโล่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีขนมพื้นถิ่น คือ ขนมข้าวแต๋น แสดงถึงความเป็นตัวตนของชุมชน ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของความเหมือนกันทั้งด้านวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตความเป็นอยู่และเกิดการยอมรับร่วมกันของชาวชุมชนและมีการปฏิบัติสืบต่อกันมาจนเกิดเป็นวัฒนธรรมการดำรงชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะของชุมชน และเป็นสิ่งที่ครอบคลุมวิถีการดำเนินชีวิตของชุมชน และ 2) แนวทางในการพัฒนาและการส่งเสริมอาชีพชุมชนบ้านใหม่ ตำบลตระแสง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พบว่า มีทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านความรู้และประสบการณ์ในการตั้งกลุ่มอาชีพ 2) ด้านการจัดตั้งสถานที่จำหน่ายสินค้า และ 3) ด้านการอบรมอาชีพอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากอาชีพภายในกลุ่ม

Downloads

Download data is not yet available.

References

ชลันดา จำปาทอง และอธิมาตร เพิ่มพูหน. (2564). แนวทางการพัฒนาสู่การเป็นพลเมืองคุณภาพของชุมชนบ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์. วารสารการบริหารการปกครองและนวัตกรรมท้องถิ่น. 6(1) : 1-12.

ผการัตน์ พินิจวัฒน์. (2561). การส่งเสริมอาชีพให้ชุมชน : กรณีศึกษาบ้านโพนไทร ตำบลเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเลย. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร. 6(3) : 925-935.

พายุ นาวะคูระ. (2021). แนวทางการพัฒนาอาชีพสำหรับผู้สูงอายุของบ้านหนองบ่อ ตำบลหนองบ่ออำเภอเมืองอุบลราชธานีจังหวัดอุบลราชธานี. สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

สัญญา สัญญาวิวัฒน์. (2541). การพัฒนาชุมชนแบบจัดการ. กรุงเทพฯ : เอมีเทรดดิ้ง

สิริกานต์ ทองพูน และคณะ. (2563). อัตลักษณ์ชุมชนเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนบ้านลานคา จังหวัดสุพรรณบุรี. ในการประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติครั้งที่ 11. 948-953. สงขลา : มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.

Chidchim, S., Phattharakitsophon S. and Khaophongampai, S. (2014). The development of Nakhoncchaisi watershed culturaltourism model. Rajabhat Journal of Sciences, Humanities & Social Sciences. 15(2) : 125-132. [In Thai]

Hitchcock, H. R. , & Johnson, P. (1997). The international style. USA: WW Norton & Company.

McIntosh, R. W. & Charles R. Goeldner. (2009). Tourism principle, practices and philosophies (11th ed.). New Jersey: John Wiley & Sons.

Srijamorn, P. (2006). Public Participation in Forest Reforestation in the Public Sector: A Case Study of Pa Noi Au Don Chai, Muang District, Chiang Rai Province. Master’s degree thesis National Institute of Development Administration. [In Thai]

Thebhattee, S. et al. (2008). Self-Sufficiency with Sufficiency Economy Philosophy. Bangkok: National Office of Buddhism Printing.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

21-06-2023

How to Cite

สุขบรรณ พ., ตามสันเทียะ ร., เสาร์ทอง จ., & เพิ่มพูน อ. (2023). แนวทางการพัฒนาการส่งเสริมอาชีพจากอัตลักษณ์ชุมชนบ้านใหม่ ตำบลตระแสง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์. วารสารราชภัฏสุรินทร์วิชาการ, 1(3), 15–26. https://doi.org/10.14456/jasrru.2023.16