การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู
คำสำคัญ:
หลักสูตรเสริมความรู้ , เด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษ, เด็กสมาธิสั้น, นักศึกษาวิชาชีพครูบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. พัฒนาและหาคุณภาพของหลักสูตรเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู 2. ศึกษาประสิทธิผลของการใช้หลักสูตรฯ ได้แก่ 2.1) ความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษของนักศึกษาวิชาชีพครู 2.2) ความพึงพอใจของนักศึกษาวิชาชีพครูที่มีต่อการใช้หลักสูตร เป็นการวิจัยแบบผสมผสานโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนา กลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักศึกษาวิชาชีพครู จำนวน 45 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. แบบประเมินคุณภาพหลักสูตรและคู่มือการใช้หลักสูตร 2. แบบประเมินความรู้ของนักศึกษาวิชาชีพครู คุณภาพระดับมากที่สุด (Mean = 4.70, S.D. = 0.38) และ 3. แบบสอบถามความพึงพอใจของนักศึกษาวิชาชีพครู คุณภาพระดับมากที่สุด (Mean = 4.75, S.D. = 0.31) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยมีดังนี้ 1. หลักสูตรเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษสำหรับนักศึกษาวิชาชีพครูที่พัฒนาขึ้นมี 6 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) หลักการและเหตุผล คือ นักศึกษาวิชาชีพครูต้องมีความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษจึงจะสามารถให้ความช่วยเหลือนักเรียนได้ 2) วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษแก่นักศึกษาวิชาชีพครู 3) โครงสร้างของหลักสูตร จำนวน 5 หน่วยการเรียนรู้ 4) การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาคทฤษฎี 6 ชั่วโมง 5) สื่อและแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ โปรแกรมนำเสนอภาพนิ่ง และเอกสารประกอบการอบรม และ 6) การวัดและประเมินผลด้านความรู้ การประเมินคุณภาพของหลักสูตรอยู่ในระดับมากที่สุด (Mean = 4.65, S.D. = 0.40) พร้อมคู่มือประกอบการใช้หลักสูตรที่มีการประเมินคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (Mean = 4.70, S.D. = 0.38) 2. ประสิทธิผลการใช้หลักสูตร พบว่า 1) นักศึกษาวิชาชีพครูมีความรู้เกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษอยู่ในระดับสูง (Mean = 4.27, S.D. = 1.25) 2) นักศึกษาวิชาชีพครูมีความพึงพอใจต่อการใช้หลักสูตรในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (Mean = 4.74, S.D. = 0.52) และข้อเสนอแนะในการเพิ่มเวลาการเรียนรู้ตามหลักสูตรมากขึ้น หน่วยงานผลิตครูวิชาชีพหรือโรงเรียนที่มีนักเรียนพิการในสังกัดควรใช้หลักสูตรและกระบวนการพัฒนาหลักสูตรจากการวิจัยครั้งนี้ประกอบการสร้างหลักสูตรมาตรฐาน เพื่อพัฒนาผู้เรียนและส่งเสริมการทำงานร่วมกันของนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพและครูพี่เลี้ยง เพื่อประโยชน์ในการให้ความช่วยเหลือทางการศึกษาพิเศษในสถานศึกษาต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). แผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564).กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
_______. (2562). ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาการศึกษา (หลักสูตร 4 ปี) พ.ศ. 2562 (6 มีนาคม). กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
คณะกรรมการคุรุสภา. (2556, 12 พฤศจิกายน). ประกาศคณะกรรมการคุรุสภา เรื่อง สาระความรู้ สมรรถนะและประสบการณ์วิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและ ศึกษานิเทศก์. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 130 ตอนพิเศษ 150 ง. หน้า 43 - 54.
ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2564). การพัฒนาหลักสูตร: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ (พิมพ์ครั้งที่ 8). นนทบุรี: เอ็มดี ออล กราฟฟิค.
ประภัทร์ กุดหอม. (2560). การพัฒนาหลักสูตรเสริมตามแนวคดิเมตาคอกนิชันและ การเรียนรู้ โดยใช้บริบทเป็นฐานเพื่อเสริมสร้างทักษะและกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5. [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
มารุต พัฒผล. (2567). การวิจัยและพัฒนาเพื่อการพัฒนาหลักสูตร. กรุงเทพฯ: ศูนย์นวัตกรรมหลักสูตรและการเรียนรู้.
มาเรียม นิลพันธุ์. (2558). วิธีวิจัยทางการศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ 9). นครปฐม: ศูนย์วิจัยและพัฒนาทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560. (6 เมษายน 2560). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 134 ตอนที่ 40 ก, หน้า 1 - 90.
รุ่งทิวา ปุณะตุง. (2560). การพัฒนาหลักสูตรเสริมเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรู้สารสนเทศ ตามแนวคิดการเรียนรู้แบบผสมผสานและการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย. [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
วิชัย วงษ์ใหญ่, และมารุต พัฒผล. (2558). จากหลักสูตรแกนกลางสู่หลักสูตรสถานศึกษา: กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนา (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จรัลสนิทวงศ์.
วิชิตา ชะนะเกตุ. (2557). การพัฒนาหลักสูตรเสริมเพื่อเสริมสร้างการคิดอย่างมีวิจารณญาณ. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
สิทธิพล อาจอินทร์. (2563). การพัฒนาหลักสูตร (พิมพ์ครั้งที่ 5). ขอนแก่น: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สุทัศน์ นาคจั่น, ปัญญา ทองนิล, วิชิต สุดตา, สริตา บัวเขียว, พวงเพ็ญ สว่างใจ, และจุฬาภรณ์ ศรีรังสรรค์. (2561). รูปแบบการผลิตครูที่มีคุณภาพในศตวรรษที่ 21. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา: กระทรวงศึกษาธิการ.
แสง โชติบุญ. (2559). การพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างความฉลาดทางสุขภาวะตามแนวคิดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและการเรียนรู้โดยการกำกับตนเอง สำหรับนักเรียน ระดับประถมศึกษา. [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2553). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
Bronfenbrenner, U. (1979). The Ecology of Human Development: Experiments by Nature and Design. Cambridge, MA: Harvard University Press.
_______. (1989). Ecological System Theory. Analysis of Child Development, 6, 187 - 249.
Colangelo, N., & Davis, G. A. (Eds.). (2003). Handbook of Gifted Education (3rd ed.). Boston: Allyn and Bacon.
Florian, L., & Black-Hawkins, K. (2011). Exploring Inclusive Pedagogy. British Educational Research Journal, 37(5), 813 – 828. https://doi.org/10.1080/01411926.2010.501096.
Oliva, P.F. (2009). Developing The Curriculum (7th ed.). Boston, MA: Allyn & Bacon.
Saylor Alexander, W., & Lewis, A., J. (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. In. New York: Holt Rinehart & Winston.
Saylor, J., G., & Alexander, W. M. (1974). Planning Curriculum for Schools. New York: Holt, Rinehart and Winston.
Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development: Theory and Practice. New York: Harcourt, Brace and World.
Tyler, R. W. (1969). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago: The University of Chicago press.
UNESCO. (2020). Inclusive Education: Achieving Education for All by Including Those Who are Excluded. United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization. https://uneS.D.oc.unesco.org/ark:/48223/pf0000374332.