วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj
<p>PAAT Journal หรือ วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย (Public Administration Association of Thailand Journal) มีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้ 1) เพื่อส่งเสริมเผยแพร่ผลงานและทัศนะทางวิชาการสาขารัฐประศาสนศาสตร์ การบริหารรัฐกิจ การบริหารกิจการสาธารณะ รัฐศาสตร์ และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 2) เพื่อเป็นการพัฒนาสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า 3) เพื่อเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์ของสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทยกับสมาชิกของสมาคมฯ และสังคม</p>
สมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย (Public Administration Association of Thailand Journal)
th-TH
วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
2730-1796
-
แนวทางการจัดตั้งและการบริหารจัดการสหภาพแรงงานแพลตฟอร์ม ของประเทศไทย
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1140
<p>บทความวิชาการเรื่องนี้มุ่งศึกษาใน 2 ประเด็น คือ 1) การศึกษาสถานการณ์การจัดตั้งสหภาพแรงงานแพลตฟอร์มของประเทศไทย พบว่า ภาครัฐยังขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องสิทธิสวัสดิการแรงงานแพลตฟอร์ม ซึ่งกระทรวงแรงงานมีการแบ่งแยกโครงสร้างขององค์กรคือ กองคุ้มครองแรงงานที่ดูแลแรงงานในระบบกับกองคุ้มครองแรงงานนอกระบบที่ดูแลแรงงานนอกระบบการแบ่งในลักษณะนี้ก็ทำให้แรงงานแพลตฟอร์มอยู่ในสถานะระหว่างแรงงานสองกลุ่มนี้ เพราะแรงงานแพลตฟอร์มไม่สามารถเข้าไปอยู่ในกลุ่มใดตามเกณฑ์แบ่งแยกเดิมได้ ส่งผลให้แรงงานแพลตฟอร์มไร้หน่วยงานดูแลอย่างชัดเจน 2) การศึกษาแนวทางการจัดตั้งและการบริหารจัดการสหภาพแรงงานแพลตฟอร์มของประเทศไทย พบว่า มี 5 มิติ มิติที่ 1: การวางแผนกลยุทธ์ของสหภาพแรงงาน มิติที่ 2: การจัดองค์กรและโครงสร้างการบริหาร มิติที่ 3: การนำองค์การด้านสมรรถนะในการบริหารและการบริหารด้านการสื่อสาร มิติที่ 4: ด้านการควบคุมและพัฒนาการดำเนินงาน มิติที่ 5: การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการประเมินผลงานกับองค์กร</p>
ทับทิม สุขพิน
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
115
127
-
แนวทางการพัฒนาความร่วมมือในการผลิตอุปกรณ์ทางทหารภายในประเทศ สำหรับหน่วยทหารขนาดเล็ก กรณีศึกษา : กรมรบพิเศษที่ 5
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1162
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือในการผลิตอุปกรณ์ทางทหารภายในประเทศ สำหรับหน่วยทหารขนาดเล็ก โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านการรวบรวมข้อมูล<br />ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาความร่วมมือในการผลิตอุปกรณ์ทางทหารสำหรับหน่วยทหารขนาดเล็กภายในประเทศ และประมวลผลการศึกษาจากเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาร่วมกับการวิเคราะห์สรุปอุปนัย เพื่อพัฒนาแนวทางการร่วมมือและนำไปสู่การปฏิบัติ</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ยุทโธปกรณ์ทางทหารประเภทใดที่หน่วยทหารขนาดเล็กมีความต้องการและเห็นว่าควรมีการผลิตภายในประเทศ พบว่า โดยส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทางทหารที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนเป็นอุปกรณ์สำหรับงานหรือภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานจริงที่ยังมีความขาดแคลนหรือไม่เพียงพอ เช่น กล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน ระบบติดต่อสื่อสาร เป็นต้น ซึ่งส่งผลเกี่ยวเนื่องไปกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝึกเตรียมกำลังสำหรับการออกปฏิบัติงานจริงเช่นกัน 2) ประเมินศักยภาพและอุปสรรคของทางด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ในการผลิตอุปกรณ์ทางทหารของประเทศไทย พบว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรหรือวัตถุดิบที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ทางทหารได้ผ่านการแปรรูปหรือแปรสภาพด้วยเทคโนโลยีแต่เนื่องด้วยต้นทุนและการขาดการสนับสนุนจากรัฐ ซึ่งมีหน้าที่อีกนัยหนึ่งคือผู้ควบคุมกฎ กติการในองค์ประกอบทำให้การผลผลิตจึงเป็นคุณภาพที่รองลงมา นอกจากนี้อุปสรรคสำคัญที่ส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการพัฒนา, วิจัย และผลิต คือ การขาดการกำหนดมาตราฐานของอุปกรณ์ให้มีมาตราฐานในระดับสากล และ 3) ระดับและแนวทางการพัฒนาความร่วมมือระหว่างรัฐ - เอกชน ในการผลิตอุปกรณ์ทางทหารภายในประเทศและนำไปสู่การปฏิบัติ พบว่า ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างองค์การทั้ง 3 ส่วน คือ หน่วยงานด้านความมั่นคง, ภาคอุตสาหกรรม และสถาบันวิชาการ มีความสัมพันธ์กันอย่างผิวเผินหรือกล่าวได้ว่ามีการร่วมมือในบางโอกาสเท่านั้น และเป็นการร่วมงานในลักษณะงานที่เป็นงานด้านประชาสัมพันธ์หรืองานด้านกิจการพลเรือนเป็นหลัก นอกจากนี้ด้วยข้อจำกัดด้านการติดต่อประสานและแบ่งปันทรัพยากรระหว่างกันเนื่องจากแต่ละหน่วยงานและองค์กรมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน</p>
มณฑล เกิดมีทรัพย์
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
15
28
-
ประสิทธิผลการใช้มาตรการสติกเกอร์ป้ายเพื่อการพัฒนางานจัดเก็บภาษีป้าย ของเทศบาลตำบลหนองแก๋ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1154
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดเก็บรายได้จากการจัดเก็บภาษีป้าย ก่อนและหลังการใช้มาตราการสติกเกอร์ป้ายเพื่อจัดเก็บภาษี และเพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชาชนต่อการใช้มาตรการสติกเกอร์ป้ายในการจัดเก็บภาษีป้าย ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ในพื้นที่เทศบาลตำบลหนองแก๋ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้วิจัยดำเนินการวิจัยเชิงสำรวจเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลก่อนและหลังการใช้มาตรการสติกเกอร์ป้าย ผลการศึกษาประสิทธิผลของมาตรการสติกเกอร์ป้าย พบว่า ภายหลังการใช้มาตรการดังกล่าว ทำให้มีจำนวนผู้มาชำระภาษีและจำนวนป้ายที่เข้าข่ายเสียภาษีเข้าสู่ระบบจัดเก็บรายได้ของเทศบาลเพิ่มขึ้น และผลจากการสัมภาษณ์ประชาชนผู้เสียภาษีในพื้นที่ พบว่าประชาชนมีความสมัครใจที่จะชำระภาษีป้ายด้วยความเต็มใจมากขึ้น เนื่องจากประชาชนมองว่าการมีสัญลักษณ์ว่าป้ายของตนได้ชำระภาษีป้ายเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ให้ความเชื่อมั่นว่าทุกป้ายที่เข้าข่ายฐานภาษีฯ จะต้องมีการชำระภาษีโดยไม่ได้รับการยกเว้น นอกจากนี้การใช้มาตรการสติกเกอร์ป้ายยังช่วยในด้านกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่สำรวจเพื่อความครบถ้วนและถูกต้องของจำนวนป้ายในท้องที่ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพทางการคลังของเทศบาลฯ ต่อไปในอนาคต</p>
เจนจิรา โนภีระ
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
29
36
-
การศึกษานโยบายการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า: กรณีศึกษาเปรียบเทียบ และการถอดบทเรียนประเทศนอร์เวย์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสหราชอาณาจักร และประเทศไทย
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1184
<p>ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Change) เป็นหนึ่งในปัญหาที่นานาประเทศกำลังให้ความสนใจเพื่อการบรรเทาและยับยั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับมนุษย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EVs) นับได้ว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายประเทศใช้เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบนโยบายและถอดบทเรียนเชิงนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยศึกษากรณีศึกษาเชิงเปรียบเทียบ (comparable case study method) ศึกษามาตรการนโยบายของประเทศนอร์เวย์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสหราชอาณาจักร และประเทศไทย เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อค้นพบของงานวิจัยสำหรับเสนอแนะแนวทางให้แก่ภาครัฐในเรื่องของมาตรการนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งสามประเทศ ประเทศนอร์เวย์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสหราชอาณาจักรมีมาตรการนโยบายที่คล้ายกันในด้านการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า คือ การกำหนดมาตรการภาษีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกในนามบริษัท (company car tax tax) กล่าวคือ ยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกในนามของบริษัทจะได้รับการลดการจัดเก็บภาษีทั้งสำหรับตัวยานยนต์และภาษีการสร้างมลพิษของบริษัท อาจกล่าวได้ว่าเป็นการสนับสนุนผ่านมาตรการทางภาษีเพื่อให้เกิดความร่วมจากภาคเอกชน ขณะที่ประเทศไทยภาครัฐจะสนับสนุนการออกยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในที่ทำงานจะพบได้ในส่วนราชการ แต่ภาคเอกชนยังไม่ได้รับการสนับสนุนโดยตรงอย่างประเทศอื่น การส่งเสริมการใช้รถยนต์จึงต้องอาศัยมาตรการทางนโยบายที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วน นอกจากสนับสนุนภาคส่วนการผลิตยานยนต์แล้วการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนทั้งผู้ใช้ สถานที่อำนวยความสะดวกและระบบนิเวศการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (EVs) เพื่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน</p>
สุธามน สืบเส้ง
นาอีม แลนิ
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
37
51
-
แนวทางการพัฒนาความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนจังหวัดพะเยา
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1205
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาบทบาทและรูปแบบความร่วมมือของ กรอ.จังหวัดพะเยา ในแต่ละขั้นตอนนโยบายเศรษฐกิจจังหวัดพะเยา และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาความร่วมมือในการทำงานของ กรอ.จังหวัดพะเยา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพซึ่งรวบรวมข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง และใช้การสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างเป็นเครื่องมือในเก็บรวบรวมข้อมูล</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า ภาคเอกชนมีบทบาทในการเป็นผู้สร้างวาระนโยบาย ผลักดันประเด็นปัญหาให้<br />เข้าสู่วาระนโยบายใน กรอ.จังหวัด โดยให้ กรอ.จังหวัดที่มีบทบาทในตัดสินใจกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันพิจารณาตัดสินทางเลือก และให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องนำแนวทางไปปฏิบัติ ขณะที่การติดตามประเมินผลจะเป็นลักษณะการกำหนดวาระของภาคเอกชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานความคืบหน้าหรือผลการดำเนินงานตามแนวทางต่อไป ในส่วนของรูปแบบความร่วมมือของ กรอ.จังหวัด ในแต่ละขั้นตอนนโยบายมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลาย แต่หากมองในเชิงโครงสร้างเป็นรูปแบบของการประสานความร่วมมือโดยอาศัยโครงสร้างของคณะกรรมการ กรอ.จังหวัด เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ การพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนต้องเสริมสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของจังหวัด รวมทั้งต้องอาศัยบทบาทผู้นำการสร้างความร่วมมือในการชี้นำให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือเป็นตัวกลางในการเจรจาหามติร่วมกันใน กรอ.จังหวัด</p>
สุชาครีย์ ใจการณ์
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
52
58
-
ปัญหากฎหมายในการออกเอกสารสิทธิ์การถือครองที่ดินให้กับประชาชน
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1796
<p>บทความวิจัยเรื่องปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ในการถือครองที่ดินให้กับประชาชนมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบที่ดินของรัฐ เอกสารสิทธิ์ในที่ดิน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ในการบริหารจัดการที่ดินของหน่วยงานภาครัฐ และปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ตำบลหนองซน อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม พบว่า การจัดการทรัพยากรที่ดินของรัฐในปัจจุบันยังขาดระบบการบริหารจัดการและแนวทางที่มีประสิทธิภาพ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องมีความซ้ำซ้อน ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการที่จะได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดิน ความไม่เป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากรที่ดินที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ด้วยวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพจากการเก็บข้อมูลที่คณะผู้วิจัยได้ทำการศึกษาในชั้นเรียนรายวิชากฎหมายลักษณะทรัพย์สินและเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างขณะเข้าร่วมกิจกรรมให้บริการวิชาการแก่ชุมชนในพื้นที่โดยตรงจากบทสนทนาของประชาชนที่มาร่วมรับฟังการบรรยายเรื่องที่ดินของรัฐร่วมกับวิทยากรและผู้ช่วยวิทยากร โดยได้นำข้อมูลเชิงพรรณนาที่ได้รับฟังคำถามและการให้คำตอบของวิทยากรมาวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาในการออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินรัฐสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว</p>
เกรียงไกร ปะวรรณจะ
อาทิตย์พัน โสภา
สิทธิพล แก้ววิไล
สุนิสา อ้นมา
ชูติกานต์ ช่วยแท่น
ชไมพร ไทยดำรงเดช
ประพัฒน์พงษ์ ปรีชา
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
59
72
-
ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของเทศบาลเมืองเขารูปช้าง จังหวัดสงขลา
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1909
<p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของเทศบาลเมืองเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของเทศบาลเมืองเขารูปช้างจำแนกตามปัจจัยเพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา และอาชีพ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ผู้ใช้บริการของเทศบาลเมืองเขารูปช้างจำนวน 400 คน ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและสถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ประกอบด้วย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย มีช่วงอายุต่ำกว่า 21 ปี มีสถานภาพโสด ระดับการศึกษาสูงสุดอยู่ในระดับปริญญาตรีขึ้นไป เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาและพนักงานบริษัทและธุรกิจส่วนตัว ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของเทศบาลเมืองเขารูปช้าง ภาพรวมอยู่ในระดับดี เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านนิติธรรมมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมาคือ ด้านความคุ้มค่า ด้านสำนึกรับผิดชอบ ด้านคุณธรรม ด้านการมีส่วนร่วม และด้านความโปร่งใส นอกจากนี้ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ประชาชนที่มีอายุและระดับการศึกษาต่างกัน ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของเทศบาลเขารูปช้างแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ส่วนเพศและสถานภาพต่างกัน ผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาลของเทศบาลเขารูปช้างไม่แตกต่างกัน</p>
ปณิดา ชัยเพชร
สุนันทา ฉลาดถ้อย
ปัญญากร คงน้อย
วิลาวัณย์ ดวงภักดี
ธิดารัตน์ ไทยฤทธิ์
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
73
83
-
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นพลเมืองดิจิทัลของเจเนอเรชั่น Z ในประเทศไทย: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1787
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นพลเมืองดิจิทัลของเจเนอเรชั่น Z ในประเทศไทยโดยใช้การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ กลุ่มตัวอย่างเป็นงานวิจัยที่สืบค้นจากฐานข้อมูล TCI และ ThaiLIS โดยกำหนดกรอบเวลาของการเผยแพร่คือ 2558-2567 เกณฑ์ในการคัดเลือกคือเป็นงานวิจัยที่เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นพลเมืองดิจิทัลของเจเนอเรชั่น Z ในประเทศไทย โดยพิจารณาจากคำสำคัญ บทคัดย่อ ชื่อเรื่อง และเกณฑ์คุณภาพที่กำหนด ระเบียบวิธีวิจัย ใช้การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ เครื่องมือที่ใช้มี 3 ส่วนประกอบด้วย 1. แบบคัดกรองงานวิจัย 2. แบบประเมินคุณภาพงานวิจัย 3. แบบบันทึกผลการสกัดข้อมูล ใช้การวิจัยเชิงคุณภาพในการวิเคราะห์ข้อมูล คัดเลือกงานวิจัยโดยใช้ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ผลการวิจัยพบว่า งานวิจัยที่ได้ทำการสืบค้นมีจำนวน 275 เรื่อง มีงานวิจัยที่ผ่านเกณฑ์พิจารณารอบสุดท้ายจำนวน 4 เรื่อง ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเป็นพลเมืองดิจิทัลในประเทศไทย มี 7 ปัจจัยได้แก่ 1. ทัศนคติ 2. ความตั้งใจแสดงพฤติกรรมการเป็นพลเมืองดิจิทัล 3. พฤติกรรมรับผิดชอบบนโลกดิจิทัล 4. ความคาดหวัง 5. เงื่อนไขการสนับสนุนพฤติกรรมการเป็นพลเมืองดิจิทัล 6. การรับรู้ความสามารถตนเองด้านดิจิทัล และ 7. ผลการเรียน รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรส่งเสริมและพัฒนาปัจจัยทั้ง 7 เพื่อพัฒนาเจเนอเรชั่น Z ให้มีความเป็นพลเมืองดิจิทัลที่สูงขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลดิจิทัลของรัฐบาล</p>
ณรงค์ฤทธิ์ ปริสุทธิ์กุล
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
84
95
-
ปัจจัยส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดทำบัญชีของสหกรณ์การเกษตรภาคใต้
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1943
<p>สหกรณ์หรือองค์กรอื่นต่างต้องการข้อมูลทางบัญชีเพื่อต้องการทราบผลการดำเนินงานและฐานะการเงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพการจัดทำบัญชีของสหกรณ์การเกษตรในภาคใต้ 2) เพื่อศึกษาอิทธิพลของปัจจัยการปฏิบัติงานที่มีต่อประสิทธิภาพการจัดทำบัญชีของสหกรณ์การเกษตรในภาคใต้ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลจากผู้ทำบัญชีของสหกรณ์ภาคใต้จำนวน 300 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านความรู้ทางการบัญชี ด้านประสบการณ์ทำงาน และด้านการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องมีอิทธิพลทางบวกต่อประสิทธิภาพการจัดทำบัญชีของสหกรณ์การเกษตรในภาคใต้ แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติงานจำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านบัญชี ประสบการณ์ทำงาน และด้านพัฒนาความรู้ในการปฏิบัติงาน ดังนั้น สหกรณ์ควรให้ความสำคัญต่อปัจจัยการปฏิบัติงานเพื่อนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำบัญชี</p>
ปทุมพร ชโนวรรณ
สุพินดา โจนส์
วิสุทธิ์ กระจ่างศิริศิลป์
ประสิทธิ์ รุ่งเรือง
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
96
105
-
การสังเคราะห์งานวิจัยทางการบริหารทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพนักงานมหาวิทยาลัยในประเทศไทย: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/1952
<p>พนักงานมหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบการจ้างบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในประเทศไทยเพื่อทดแทนอัตรากำลังข้าราชการ และปัจจุบันนับเป็นบุคลากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและสังเคราะห์คุณลักษณะและผลการวิจัยเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลของพนักงานมหาวิทยาลัย โดยใช้การวิจัยข้อมูลจากเอกสาร (Documentary Research) ด้วยวิธีการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ (Systematic Review) สืบค้นและอ้างอิงจากบทความวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่จนถึงปัจจุบันของฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) กำหนดคำสำคัญที่ใช้ ได้แก่ พนักงานมหาวิทยาลัย ได้บทความจากฐานข้อมูลทั้งหมด จำนวน 179 เรื่อง และถูกคัดเลือกโดยใช้แนวทางของ PRISMA ผลการศึกษา พบว่า มีบทความที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนดจำนวน 50 เรื่อง และพบประเด็นสำคัญ อาทิ ความผูกพัน คุณภาพชีวิตในการทำงาน สวัสดิการ ผลการศึกษาในครั้งนี้ชี้ให้เห็นแนวโน้มการวิจัยการบริหารทรัพยากรบุคคลในสถาบันอุดมศึกษา และสามารถนำไปอ้างอิง รวมทั้งมีประโยชน์ต่อการบริหารสำหรับสถาบันอุดมศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล</p>
ศรันย์ดิษฐ์ เบญจพงศ์
ศิวพร โพธิวิทย์
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
106
114
-
การจัดระบบการตรวจสอบโครงการวิจัย : กลยุทธ์ในการสร้างเสริมความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพ
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/2300
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยซึ่งเป็นกลยุทธ์หรือวิธีการหนึ่งในการสร้างความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพ วิธีการที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการทบทวนวรรณกรรมที่ไม่ใช้ระบบ โดยการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยแล้วสกัดข้อมูลที่ได้ศึกษานำมาใช้เพื่อเป็นฐานในการเขียนบทความนี้ วรรณกรรมที่ได้ศึกษาประกอบด้วย แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างความเชื่อถือได้ของงานวิจัย รวมทั้งหลักการพื้นฐานสี่ประการของความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วย ความน่าเชื่อถือ การถ่ายโอนผลการวิจัย การพึ่งพากับเกณฑ์อื่นได้ และการยืนยันผลการวิจัย กลยุทธ์หรือวิธีการสร้างความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพ 22 วิธีการ โดยเน้นหนักที่การจัดระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยเชิงคุณภาพ ต่อจากนั้นนำผลการศึกษามาสังเคราะห์เป็นความรู้ใหม่ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ คือกระบวนการและขั้นตอนในการสร้างระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยประกอบด้วย 6 ขั้นตอน มีรายละเอียดดังนี้ (1) การศึกษาหลักการพื้นฐานของการสร้างความเชื่อถือได้ของการวิจัยเชิงคุณภาพสี่ประการ (2) การศึกษากลยุทธ์หรือวิธีการสร้างความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพจำนวน 22 วิธีการโดยเน้นหนักที่การจัดระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยเชิงคุณภาพ (3) การศึกษาส่วนประกอบสำคัญของระบบการตรวจสอบการวิจัยเชิงคุณภาพ (4) การศึกษาแนวทางการสร้างระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยเชิงคุณภาพ (5) การจัดทำระบบและนำระบบการตรวจสอบโครงการวิจัยสู่การปฏิบัติ ซึ่งนำไปสู่ (6) ความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพ ประโยชน์ของขั้นตอนที่ได้นำเสนอนี้ นักวิจัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิจัยใหม่ สามารถนำไปเป็นแนวทางในการสร้างความเชื่อถือได้ของงานวิจัยเชิงคุณภาพได้</p>
จำเนียร จวงตระกูล
นวัสนันท์ วงศ์ประสิทธิ์
อุทัย อันพิมพ์
พรรษวรรณ สุขสมวัฒน์
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
1
14
-
ชีวิตดี วิถีนอร์ดิก: เพื่อร่วมกันหาคำตอบว่า คุณภาพชีวิตที่ดี คือคุณภาพชีวิตแบบใด
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/paatj/article/view/2510
<p><strong>The Nordic Theory of Everything: In Search of a Better Life</strong> เขียนโดย อนุ ปาร์ตาเน็น (Anu Partanen) ตีพิมพ์ครั้งแรกใน ปี ค.ศ. 2016 ในหมวดสังคมวิทยา (No-fiction, Sociology 066) กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ ได้ทำการแปลโดยใช้ชื่อไทย คือ “<strong>ชีวิตดี วิถีนอร์ดิก: เพื่อร่วมกันหาคำตอบว่า คุณภาพชีวิตที่ดี คือคุณภาพชีวิตแบบใด</strong>” จัดพิมพ์ครั้งที่ 1 เดือนมีนาคม 2567 โดยสำนักพิมพ์แซนด์คล็อคบุ๊คส์ (SandClock Books) จัดจำหน่ายโดยบริษัท อัมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ราคาเล่มละ 380 บาท</p>
ศิรภัสสรศ์ วงศ์ทองดี
Copyright (c) 2025 วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์แห่งประเทศไทย
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-30
2025-04-30
7 1
128
131