วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr
<p><span style="font-weight: 400;">วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์ (Journal of MCU Dvravati Review) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัย บทความวิชาการ บทความวิจารณ์หนังสือ และบทความปริทัศน์ ในสาขาที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ ศาสนาประยุกต์ ปรัชญา ศิลปศาสตร์ และสหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์<br /></span><span style="font-weight: 400;">เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ </span></p>
วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี
th-TH
วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
2985-0967
-
วิเคราะห์การบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทยปัจจุบัน
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr/article/view/1340
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) ) เพื่อศึกษาการบวชพระของผู้สูงอายุในพระพุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษาปัญหาการบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทยปัจจุบัน 3) เพื่อวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปัญหาการบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทย การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร ผลการวิจัยพบว่า การบวชพระ คือ การสละเพศคฤหัสถ์สู่ความเป็นเพศบรรพชิต เป็นนักบวชในบวรพระพุทธศาสนา ประพฤติพรหมจรรย์ ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ซึ่งวัตถุประสงค์ของการบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทยปัจจุบัน ได้แก่ 1) บวชเพื่อบรรลุพระนิพพาน 2) บวชเพราะต้องการสั่งสมบารมี 3) บวชเพราะต้องการทำความดี ในบั้นปลายชีวิต 4) การบวชพระเพราะสาเหตุอื่นๆ โดยมีรูปแบบของการบวชพระ คือ ญัตติจตุตถกัมมอุปสัมปทา การบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทยปัจจุบันเป็นการนำพาตนให้พ้นไปจากภาวะของความเป็นฆราวาสเป็นการดำเนินชีวิตให้พ้นจากกิเลส โดยการอบรมตนทางกาย วาจา และใจ ให้สูงขึ้น จนถึงภาวะของความพ้นทุกข์ ดังนั้นการบวชพระของผู้สูงอายุในพระพุทธศาสนาเถรวาท ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมีทั้งผู้สูงอายุที่บวชเป็นพระแล้วมีพฤติกรรมที่ดี และไม่ดี ซึ่งปัญหาการบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทยปัจจุบัน คือ 1) ปัญหาสุขภาพของพระสูงอายุ 2) ปัญหาสุขภาพทางจิตใจของพระสูงอายุ</p> <p>จากการวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขปัญหาการบวชพระของผู้สูงอายุในสังคมไทยปัจจุบันนั้น คือ 1) วิเคราะห์การแก้ไขปัญหาการบวชพระของผู้สูงอายุก่อนเข้ามาบวช 2) วิเคราะห์การแก้ไขปัญหาการบวชพระของผู้สูงอายุหลังการบวช โดยมีแนวทางการแก้ไขปัญหาการบวชของผู้สูงอายุในสังคมไทย คือ 1) ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ามาขอบวชอย่างละเอียด 2) จัดให้มีการอบรมผู้สูงอายุที่เข้ามาบวช ทั้งก่อนบวชและหลังบวช 3) ดูแลรักษาพระภิกษุไข้ ด้วยวิธีที่พระพุทธองค์ทรงวางหลักการไว้ และ 4) ปฏิบัติธรรมที่ถูกจริตเพื่อสุขภาพจิตใจที่ดี ซึ่งจะทำให้การบวชพระของผู้สูงอายุมีความเจริญก้าวหน้า และได้พระสงฆ์ที่เป็นประโยชน์พระพุทธศาสนาต่อไป</p>
พระกิตติฐานันดร์ ชิษณุพงศ์
สุรัตน์ พักน้อย
สรวิรชญ์ วงษ์สอาด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-27
2025-06-27
4 1
-
การส่งเสริมและการอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทงของวัดหลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr/article/view/1408
<p>การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาของประเพณีลอยกระทงวัดหลุมรัง 2) ศึกษาคุณค่าและสาระหลักพุทธศาสนาในประเพณีลอยกระทง และ 3) ส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีงานลอยกระทงของวัดหลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เป็นการวิจัยวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง จำนวน 12 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์เชิงลึกชนิดกึ่งโครงสร้าง ใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาข้อสรุปพรรณนา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ประเพณีลอยกระทงวัดหลุมรัง เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2518 โดยการนำของพระครูกาญจนวิกรม เจ้าอาวาสวัดหลุมรัง ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนาคือการบูชารอยพระพุทธบาทและวิถีชีวิตชุมชนที่มีความสัมพันธ์กับลำน้ำตะเพินที่ต้องการแสดงความกตัญญูกตเวทีบูชาคุณของสายน้ำ จัดขึ้นที่สะพานท่าเกวียนต่อมาย้ายมาจัดงานที่ลำตะเพินจนได้รับความนิยมว่าเป็น 1 ใน 3 สถานที่จัดงานที่มีคุณภาพของอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี 2) คุณค่าและสาระหลักพุทธศาสนาในประเพณีลอยกระทงวัดหลุมรัง ปรากฏคุณค่า คือ คุณค่าต่อครอบครัวได้เสริมสร้างให้สมาชิกในครอบครัวรวมทั้งญาติมิตรได้มีความสัมพันธ์และทำกิจกรรมร่วมกัน คุณค่าต่อชุมชนทำให้คนชุมชนทุกช่วงวัยได้ทำงานร่วมกัน มีความสามัคคีและการเสียสละเพื่อส่วนรวม รวมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และคุณค่าต่อสังคมได้เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ควบคู่การส่งเสริมจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ส่วนสาระหลักพระพุทธศาสนาที่เห็นได้ชัดเจน เป็นเรื่องเกี่ยวกับบุญกิริยาวัตถุ คือ ทาน ศีล ภาวนา สามัคคีธรรมและความกตัญญู 3) การส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีงานลอยกระทงของวัดหลุมรัง ได้แก่ การส่งเสริมความรู้กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การร่วมกันอนุรักษ์สืบสานเอกลักษณ์และภูมิปัญญาวิถีของชุมชน แล การยกระดับต่อยอดเชิงเครือข่าย เช่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกจากชุมชน การท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรมชุมชน</p>
เกรียงศักดิ์ สืบด้วง
พระปลัดประพจน์ อยู่สำราญ
โยตะ ชัยวรมันกุล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-27
2025-06-27
4 1
-
ศึกษาพิธีการฟังธรรมสำหรับผู้ใกล้วายชนม์ของชาวพุทธล้านนา ตามแบบอนาถปิณฑิโกวาทสูตร
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr/article/view/2388
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาการฟังธรรมของผู้ใกล้วายชนม์ในพระพุทธศาสนา (2) เพื่อศึกษาการฟังธรรมสำหรับผู้ใกล้วายชนม์ของชาวพุทธล้านนา (3) เพื่อนำเสนอพิธีการฟังธรรมของผู้ใกล้วายชนม์ของชาวพุทธล้านนาตามแนวอนาถปิณฑิโกวาทสูตร เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary research) ผู้วิจัยรวบรวบข้อมูลจากเอกสารเป็นหลัก ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ผลการวิจัย พบว่า พิธีการฟังธรรมของผู้ใกล้วายชนม์ของชาวพุทธล้านนาตามแนวอนาถปิณฑิโกวาทสูตร มีการผสมผสานหลักธรรมจากอนาถปิณฑิโกวาทสูตรและธรรมมหาวิบาก โดยกระบวนการประกอบด้วย การเตรียมตัว นิมนต์พระสงฆ์ จัดเตรียมสถานที่และเครื่องไทยทาน การแสดงธรรม ตามหลักอนาถปิณฑิโกวาทสูตรหรือธรรมะที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติของญาติ ร่วมฟังธรรม ดูแลผู้ป่วย สนทนาธรรม และการปฏิบัติของผู้ใกล้วายชนม์ ตั้งจิตให้สงบ พิจารณาธรรม ระลึกถึงบุญกุศล ความสำคัญของพิธี คือ ช่วยให้ผู้ใกล้วายชนม์มีจิตใจสงบ เตรียมพร้อมสำหรับการละสังขาร แสดงความกตัญญู และแสดงถึงวัฒนธรรมชาวล้านนา การฟังธรรมของผู้ใกล้วายชนม์ของชาวพุทธล้านนา เป็นพิธีกรรมที่ผสมผสานหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้ากับความเชื่อและวิถีชีวิตของชาวล้านนา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้ที่กำลังจะจากไปมีจิตใจสงบและเตรียมพร้อมสำหรับการละสังขารอย่างมีสติ</p>
นรินทร์โชติ รินชมภู
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-27
2025-06-27
4 1
-
การพัฒนาชุดความรู้และกิจกรรมกายเคลื่อนไหวใจตั้งมั่นตามหลักสติปัฏฐาน 4 ของผู้ปฏิบัติธรรมในเสถียรธรรมสถาน
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr/article/view/2458
<p>การวิจัยเรื่องการพัฒนาชุดความรู้และกิจกรรมกายเคลื่อนไหวใจตั้งมั่นตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ของผู้ปฏิบัติธรรมในเสถียรธรรมสถาน มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาชุดความรู้สำหรับกิจกรรมกายเคลื่อนไหวใจตั้งมั่นและศึกษาหลักสติปัฏฐาน 4 2) เพื่อพัฒนาชุดความรู้และจัดกิจกรรมกายเคลื่อนไหวใจตั้งมั่นตามหลักสติปัฏฐาน 4 ของผู้ปฏิบัติธรรมในเสถียรธรรมสถาน 3) เพื่อประเมินชุดความรู้และกิจกรรมกายเคลื่อนไหวใจตั้งมั่นตามหลักสติปัฏฐาน 4 ของผู้ปฏิบัติธรรมในเสถียรธรรมสถาน ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม นำข้อมูลมาวิเคราะห์ ตีความ อธิบายเชิงพรรณนา</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า ชุดความรู้กิจกรรมกายเคลื่อนไหวใจตั้งมั่น กับหลักสติปัฏฐาน 4 มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง 1) กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน การรู้เท่าทันกาย ฝึกสติกับกาย ผู้ฝึกได้เรียนรู้ รับรู้ สังเกต 2) เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน รู้เท่าทันความรู้สึก ผู้ฝึกรับรู้ สังเกต ในทุกท่าของกระบวนการฝึกช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของความรู้สึก ว่ามันไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป 3) จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน รู้เท่าทันจิต ใจสงบ ผ่อนคลาย มีสมาธิ มีสติสัมปชัญญะ 4) ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน มีสติรู้เท่าทันธรรม เห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย โยคะแห่งสติสร้างความสมดุลร่างกายด้วยจิตที่สงบ ฤๅษีดัดตนฝึกท่าดัดตนตามอิริยาบท สมาธิบำบัด ฝึกกำหนดหายใจ รู้ตัวทั่วพร้อมขณะปัจจุบัน เดินในสวนธรรมอย่างมีสติ มีสติทุกย่างก้าว ฟังคลื่นสียงคริสตัลโบล์รับรู้เสียง ทุกกิจกรรมเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในผ่านอิริยาบถ รู้เท่าทันความรู้สึก รู้เท่าทันจิต ไตร่ตรองรู้ทันสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น มีสติอยู่กับปัจจุบันเข้าใจในธรรมชาติของชีวิตตามกฏไตรลักษณ์</p>
แม่ชีศุภรัตน์ คุณอริยเมธี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-27
2025-06-27
4 1
-
การศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ ในวัดศีรษะทอง
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr/article/view/1323
<p>บทความนี้เป็นบทความวิจัยเพื่อวิเคราะห์ “การศึกษาความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ในวัดศีรษะทอง”มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความเชื่อประวัติความเป็นมาและลักษณะของความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ในวัดศีรษะทอง 2) เพื่อศึกษารูปแบบและวิธีการแสดงออกกับความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ของประชาชนในวัดศีรษะทอง 3) เพื่อศึกษากระบวนการก่อเกิดเป็นศูนย์กลางของความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ของผู้คนจนกลายเป็นบรรทัดฐาน ของชุมชนในสังคมต่อวัดศีรษะทอง ณ พื้นที่วัดศีรษะทองเป็นผลการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 10 รูป/คน นำมาวิเคราะห์เนื้อหา และนำเสอนข้อมูลเชิงพรรณนา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ประวัติความเป็นมาของความเชื่อในเรื่องพิธีกรรมการสวดเคราะห์ และการบูชาพระราหู ได้มีการเปลี่ยนแปลงในวิธีการบูชาพระราหูกันมาได้แก่ ในยุคโลกาภิวัตน์ เป็นความเชื่อของศาสตร์ที่ลี้ลับมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติที่มาจากภัยธรรมชาติ อย่างเช่น เกิดฝนตกฟ้าร้องฟ้าผ่า เป็นต้น 2) รูปแบบและวิธีการการสะเดาะเคราะห์ของวัดศีรษะทอง มีรูปแบบของในการประกอบพิธีกรรมที่มีการผสมผสานเข้ารวมกันกับพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา มีความเชื่อในการบูชาพระราหู ในทางตำราโหราศาสตร์ จึงเกิดมีพิธีกรรมขึ้น 3) การก่อเกิดเป็นศูนย์กลางของความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ของผู้คนจนกลายเป็นบรรทัดฐานของชุมชนในสังคมต่อวัดศีรษะทอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางความเชื่อของวัดศีรษะทอง 4 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านความศรัทธาในวัตถุมงคล (2) ด้านแหล่งการท่องเที่ยวเชิงพุทธ (3) ด้านความเชื่อในชุมชน (4) ด้านเศรษฐกิจในชุมชน</p>
พระสุชิน บุตรพา
พระปลัดประพจน์ สุปภาโต
สรวิรชญ์ วงษ์สอาด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-27
2025-06-27
4 1
-
การบริหารจัดการเมืองในสถานการณ์ Virus corona 2019
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/jmdr/article/view/1399
<p>หลังจากประเทศไทยประสบกับปัญหาทางการเมืองไม่ว่าจะสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนแปลงด้านการ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรม เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตลอดถึงการที่ต้องประสบกับปัญหาของไวรัสโคโรน่า 2019 ที่ผ่านมาอาจจะยังไม่มีความชัดเจนในการบริหารจัดการประเทศที่มีความโดดเด่นและชัดเจนอย่างที่ควรจะดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมมากนัก ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยและปัญหาเศรษฐกิจของโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทยเองก็มีเรื่องรายได้ของภาคประชาชนที่ยังไม่มีปัญหาอยู่ทั้งด้านภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การค้าการลงทุนในประเทศก็ยังมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลาจะเห็นได้ว่าปัจจุบันภาคการเกษตรก็มีกำลังการผลิตและการซื้อต่ำการลงทุนก็มีการเคลื่อนย้ายฐานผลิตออกไปสู่ประเทศใกล้เคียงกับไทยมากขึ้นและการปิดตัวลงของภาคอุตสาหกรรมก็มีเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีต</p>
มะลิ ทิพพ์ประจง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสาร มจร ทวารวดีปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-06-27
2025-06-27
4 1