วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee
<p> จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ ค้นคว้าข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงการนำผลวิจัยไปบูรณาการในการจัดการเรียนการสอนและการฝึกอบรมวิชาชีพ และส่งเสริม สนับสนุนให้ นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ นักวิชาการ และผู้สนใจ เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ และผลงานวิจัย รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนานวัตกรรม สื่อสิ่งประดิษฐ์ และเทคโนโลยี อันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีวศึกษา และการศึกษา เพื่อนำไปสู่การพัฒนา ชุมชน สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และประเทศชาติ</p> <p> </p>
Institute of Vocational Eastern Region Journal
th-TH
วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2821-9422
-
แนวทางการบริหารจัดการสถานศึกษาขนาดเล็ก เพื่อยกระดับการศึกษาให้มีคุณภาพสู่อาชีวศึกษาสมรรถนะสูง
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/2006
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 พร้อมทั้งเป็นการนำเสนอแนวทางที่เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการศึกษา ตามนโยบายการขับเคลื่อนการดําเนินงานผ่าน 4 วาระงานพัฒนาอาชีวะ (8 Agenda) สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและการศึกษา 4.0 พบว่าการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลิต และพัฒนากำลังคนที่มีทักษะ ด้วยนโยบาย “เรียนดีมีสุข” แนวทางที่สำคัญคือ มุ่งเน้นการศึกษาร่วมกับเทคโนโลยี เน้นการส่งเสริมการเรียนรู้อาชีวศึกษาทุกที่ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ร่วมกับการพัฒนาระบบรับรองทักษะวิชาชีพ (Skill Certificate) ส่งเสริมให้มีรายได้ระหว่างการเรียน ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้เรียนและผู้ปกครอง การขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยเฉพาะในระบบทวิภาคี (DVE for ALU) ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์จริงในสถานประกอบการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวในตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์จากการบริหารจัดการดังกล่าวจะทำให้สถานศึกษาหรือวิทยาลัยขนาดเล็กสามารถพัฒนาทั้งผู้สอนและผู้เรียนไปพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ผลิตกำลังคนที่เป็นผลลัพธ์ที่มีคุณภาพต่อสังคมต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นกำลังที่ดีในครอบครัวต่อไป</p>
นายชนาธิป สุภามงคล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
1
9
-
Google calendar for notification of personnel work Faculty of home Economic Technology Rajamangala university of Technology Krungthep
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/1293
<p><strong> </strong>Google calendar เพื่อการเเจ้งเตือนการทำงานของบุคลากร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเป็นเครื่องมือที่ให้บริการเเบบออนไลท์บนคราวน์ของ Google สามารถจัดเก็บข้อมูลในเหตุการณ์ต่าง ๆ รวมที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายการทำงาน การกำหนดเวลาเหตุการณ์ สามารถส่งข้อความเชิญ เเละทำงานกับเพื่อนร่่วมงาน ค้นหาเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ องค์ประกอบของ Google calendar ประกอบด้วย แถบค้นหาปฏิทิน ปุ่มแบ่งปันเพื่อเผยแพร่ปฏิทินออกสู่ สาธารณะ หรือคนอื่น ๆ ที่เราติดต่อด้วย ปุ่มวันนี้ เพื่อเลื่อนหน้าปฏิทินมาเป็นวันนี้ปุ่มเลื่อนปฏิทิน</p> <p>ย้อนหลัง หรือ ถัดไป ตามรูปแบบวัน สัปดาห์ หรือเดือน ตามที่เรากำหนด ปุ่มกำหนดรูปแบบการแสดงปฏิทิน ซึ่งสามารถกำหนดเป็น วัน สัปดาห์ เดือน 5 วัน หรือแผนงานปุ่มเพิ่มเติม ซึ่งประกอบด้วย การพิมพ์ตารางปฏิทินที่แสดงบนหน้าจอ และการรีเฟรชให้ปฏิทินแสดงรายการที่มีอยู่ในปฏิทินให้เป็นปัจจุบันปุ่มกำหนด Setting ปุ่ม สร้างกิจกรรม (Event) ลงในปฏิทิน ปฏิทินเล็ก ปุ่มเลื่อนปฏิทินเล็กไปเดือนถัดไป หรือเดือนย้อนหลังปฏิทินของเรา ปฏิทินอื่น ๆ ที่แชร์มาจากคนอื่นมาให้เรา ปฏิทินสำหรับสร้างกิจกรรมหรืองาน ส่วนแสดงงานที่เราสร้างขึ้น ส่วนจัดการเกี่ยวกับงาน Google calendar เพื่อการเเจ้งเตือนการทำงานของบุคลากร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพเอาจจะนำมาประยุกต์ส่งเสริมการทำงานได้</p>
อรรถพล จันทร์สมุด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
21
33
-
An Intelligent Supply Chain in higher education institution
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/1294
<p><strong> </strong>บทความปริทัศน์ เกี่ยวกับ ห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะในสถาบันอุดมศึกษามุ่งเน้นการนำเสนอการจัดการศึกษาผ่านห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะในการศึกษาที่สูงขึ้น เพื่อประยุกต์ใช้ในการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น การจัดการศึกษาจำเป็นต้องเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกาภิวัตน์ ห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะในวงกว้างตลอดวงจรชีวิตของนักเรียนทั้งหมด ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1) หุ่นยนต์หรือเครื่องจักร 2) ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ 3) ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ 4) ปัญญาประดิษฐ์ 5) อุปกรณ์ที่ส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต 6) การวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูง</p> <p>7) การให้บริการพื้นที่ เริ่มมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซัพพลายเชนอัจฉริยะอีกครั้ง เทคโนโลยีนี้ยังไม่สามารถใช้เพื่อทำให้วิสัยทัศน์เป็นจริงได้แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานสำหรับห่วงโซ่อุปทานอัจฉริยะจะเริ่มให้ความสำคัญ สำหรับการศึกษาโลจิสติกส์การมาถึงในที่สุดหมายถึงหลายสิ่งที่ผู้ส่งสินค้าและผู้ให้บริการมองหา ห่วงโซ่อุปทานที่ฉลาดพอที่จะคาดการณ์และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า ห่วงโซ่อุปทานที่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ห่วงโซ่อุปทานที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่ได้วางแผนไว้และที่สำคัญที่สุด คือ ห่วงโซ่อุปทานที่เรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีห่วงโซ่อุปทานที่ชาญฉลาด ควรให้การมองเห็นแบบได้ทุกอย่างได้หมด รวมถึงความสามารถในการดำเนินการต่างๆโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์โดยอาศัยการวิเคราะห์ และตีความข้อมูลจำนวนมาก</p>
อรรถพล จันทร์สมุด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
47
51
-
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์ เรื่องโปรแกรมออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 ที่สอนโดยใช้การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/2023
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์ เรื่องโปรแกรมออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 ที่สอนโดยใช้การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของคะแนนทดสอบก่อนเรียนกับหลังเรียนวิชาการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์ เรื่องโปรแกรมออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 ที่สอนโดยใช้การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่ นักเรียน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั่นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 แผนกวิชาอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคพัทยา จำนวน 23 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ใบงานวิชาวิชาการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์ เรื่องโปรแกรมออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยการทดสอบค่า t </p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์ เรื่องโปรแกรมออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 ที่สอนโดยใช้การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน พบว่าผลสัมฤทธิ์ของคะแนนทดสอบก่อนเรียนมีค่าเฉลี่ย 7.09 (S = 1.24) คิดเป็นร้อยละ70.87ส่วนผลสัมฤทธิ์ของคะแนนทดสอบหลังเรียนมีค่าเฉลี่ย 8.47 ( S = 1.24 ) คิดเป็นร้อยละ 84.78</p> <ol start="2"> <li class="show"> การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของคะแนนทดสอบก่อนเรียนหลังหลังเรียนการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ด้วยคอมพิวเตอร์ เรื่องโปรแกรมออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ของนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ชั้นปีที่ 1 ที่สอนโดยใช้การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน พบว่าผลสัมฤทธิ์ของคะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</li> </ol>
ศศิธร อมรพันธ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
10
20
-
Google groups เพื่อการจัดการคำถามและคำตอบ : กรณีศึกษา สำนักงานคณบดี คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/1295
<p> Google groups เป็นระบบบริการฟรีจาก Google ให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บบอร์ดขอกลุ่มตัวเอง พูดคุยกับเรื่องที่สนใจได้ ใช้งานที่ต้องการเข้าไปร่วมคุยในกลุ่มที่มี สามารถพูดคุยผ่านทางเว็บไชตในลักษณะเว็บบอร์ดการใช้งานโดยการสมัครเพื่อสร้างกลุ่มของตัวเอง การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1)<strong> </strong> เพื่อออกแบบ Google groups เพื่อการจัดการคำถามและคำตอบ สำนักงานคณบดี คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 2) เพื่อศึกษาการ</p> <p> </p> <p> </p> <p>Google groups เพื่อการจัดการคำถามและคำตอบ สำนักงานคณบดี คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ข้อมูลเอกสารงานวิจัยครั้งนี้เป็นข้อมูลของสำนักงานคณบดี คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ <strong> </strong>ได้แก่ การศึกษาคู่มือ และเอกสาร Google groups และรายงาน Google groups ทำให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลและแก้ไขข้อมูล สามารถจัดทำรายงานผลที่ถูกต้องและเป็นเครื่องมือที่ใช้แก้ไขปัญหา ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องสามารถนำไปใช้งานได้จริง</p>
อรรถพล จันทร์สมุด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
34
46
-
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักศึกษาอาชีวศึกษา
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/1969
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐานที่ส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่เรียนวิชารายวิชาการพัฒนาเว็บไซต์ในทางธุรกิจ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือนักศึกษาระดับขั้นปวส.1 สาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 1 ห้อง ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) 29 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) รูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐาน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) แบบสอบถามความคิดเห็น สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐานที่พัฒนาขึ้นในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐาน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนแบบห้องเรียนกลับด้านร่วมกับการใช้กระบวนการวิจัยเป็นฐานในภาพรวมอยู่ในระดับมาก</p>
Peeraya Sukkeewan
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
52
64
-
การพัฒนาและหาประสิทธิภาพเครื่องลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ivee/article/view/1983
<p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเครื่องลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ 2) หาประสิทธิภาพเครื่องลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ 3) ศึกษาเศรษฐศาสตร์การลงทุนทางด้านการผลิตในการลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนวัดเนินสูง จังหวัดตราด</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) เครื่องลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มีกำลังการผลิตในการลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ปริมาณครั้งละ 200 กรัม บรรจุในภาชนะปิดทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 ซ.ม. ความสูง 35 ซ.ม. ด้านบนมีช่องสำหรับให้เยื่อและลมออก ใช้แรงดันลมในการทำงาน 3 บาร์ หมุนวนในภาชนะจากด้านล่างสู่ด้านบนเพื่อให้เยื่อหลุดออกจากเมล็ด ระยะเวลาการทำงานต่อครั้ง 3 นาที 2) เครื่องลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มีประสิทธิภาพการลอกเยื่อสำเร็จคิดเป็นร้อยละ 78.40 ของเมล็ดสมบูรณ์ และเมื่อนำมาทดสอบหาค่าความเชื่อมั่นจากการทดลองซ้ำจำนวน 5 ครั้ง เครื่องลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ มีค่าความเชื่อมั่นคิดเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยอยู่ที่ 86.01 3) เศรษฐศาสตร์การลงทุนทางด้านการผลิตในการลอกเยื่อเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนวัดเนินสูง ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานต่อการลอกเยื่อเมล็ดมะม่วง หิมพานต์ปริมาณ 720 กิโลกรัม แบบเดิมที่ต้องใช้แรงงานคนจำนวน 4 คน ลดลงร้อยละ 75 ของค่าจ้างแรงงาน</p>
worapot treeratrudee
ปิยะพงษ์ สิงห์บัว
กาญจนา ตรีรัตน์ฤดี
สมปรารถนา จิตรสุนทร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการสถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออก
2025-06-20
2025-06-20
4 1
65
76