การศึกษาอัตราส่วนผสมของอิฐประสานจากมูลวัวและดินด่านเกวียน ด้วยวิธีการทดสอบกำลังรับแรงอัด

ผู้แต่ง

  • Nanthana Bokkhunthod วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
  • Ekkachai Keanvongkham วิทยาลัยเทคนิคสุรนารี สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
  • Saksan Paksantien วิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา

บทคัดย่อ

           บทความวิจัยนี้ได้ศึกษาอัตราส่วนผสมที่เหมาะสมของอิฐประสานที่ผลิตจากมูลวัวและดินด่านเกวียน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อประเมินกำลังรับแรงอัดของอิฐที่ได้จากอัตราส่วนผสมที่แตกต่างกัน การวิจัยนี้มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดต้นทุนการผลิตและปริมาณของเสียในชุมชน ในการศึกษานี้ ผู้วิจัยได้ทำการทดสอบกำลังรับแรงอัดของอิฐประสานที่ผลิตจากส่วนผสมของดินด่านเกวียน มูลวัว และปูนซีเมนต์ ดินด่านเกวียนซึ่งเป็นดินเหนียวคุณภาพดีจากจังหวัดนครราชสีมา ถูกเลือกใช้เป็นส่วนประกอบหลักเนื่องจากคุณสมบัติเด่นในการเพิ่มความแข็งแรงและช่วยในการระบายความร้อนของวัสดุก่อสร้าง การทดสอบได้ดำเนินการกับอัตราส่วนผสมที่หลากหลาย โดยเน้นการเปรียบเทียบผลลัพธ์กับอิฐควบคุมที่ผลิตจากส่วนผสมมาตรฐาน

           จากการทดสอบกำลังรับแรงอัด พบว่า อัตราส่วนผสมที่ 1 (ดินด่านเกวียน 70%, มูลวัว 10%, ปูน 20%) ให้ค่ากำลังรับแรงอัดที่สูงและใกล้เคียงกับอิฐควบคุม ผลลัพธ์นี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้วัสดุเหลือใช้อย่างมูลวัวในปริมาณที่เหมาะสมสามารถทดแทนทรัพยากรบางส่วนในการผลิตอิฐได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของวัสดุ นอกจากนี้ คุณสมบัติของดินด่านเกวียนยังช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการระบายความร้อนของอิฐประสาน อย่างไรก็ตาม เมื่อสัดส่วนของมูลวัวเพิ่มสูงขึ้น เช่น อัตราส่วนผสมที่ 3 (มูลวัว 30%) และ อัตราส่วนผสมที่ 4 (มูลวัว 40%) ค่ากำลังรับแรงอัดของอิฐลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 5.4 MPa เหลือเพียง 4.6 MPa และ 4.1 MPa ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ผกผันระหว่างปริมาณมูลวัวที่เพิ่มขึ้นกับกำลังรับแรงอัดที่ลดลง    

เอกสารอ้างอิง

วรรณี วงศ์เวียน. (2562). การผลิตอิฐประสานจากขี้วัวและดินเหนียวท้องถิ่น. [รายงานวิจัย]. วิทยาลัยเทคนิคสุรินทร์, สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา.

สมคิด แสงอรุณ. (2563). การใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในการผลิตอิฐประสาน. [รายงานวิจัย]. วิทยาลัยการอาชีพบุรีรัมย์.

Kumar, A., et al. (2018). Production of bricks from a mixture of cow dung, rice husk ash, and clay. International Maize and Wheat Improvement Center (CIMMYT)-India Office, New Delhi, India.

สำนักงานพลังงานจังหวัดนครราชสีมา. (2561). โครงการชุมชนผลิตอิฐประสานจากมูลสัตว์. [รายงานโครงการ]. กระทรวงพลังงาน.

Khan, M. I., et al. (2015). Development of Eco-Friendly Bricks from Agricultural Waste., Pakistan.

Mansour, W., & El Haggar, S. (2010). Sustainable Clay Bricks Using Agricultural Wastes., Egypt.

Abdullahi, M. (2005). Compressive Strength of Compressed Earth Blocks Stabilized with Cow Dung., Nigeria.

Bhattacharjee, S., et al. (2020). Performance of Cow Dung Ash in Making Eco Bricks., India.

เผยแพร่แล้ว

2025-12-24

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย