วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS <p><strong> วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ISSN : 2985-0428 (Online) </strong></p> <p> เริ่มจัดทำวารสารฉบับแรกเมื่อปี พ.ศ.2566 (ปัจจุบันยังไม่ได้ขอรับการตรวจประเมินคุณภาพวสารสารเพื่อขอเข้าฐานข้อมูล TCI)</p> <p> รับตีพิมพ์เผยแพร่บทความด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ สหวิทยาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สังคมวิทยา นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ นิเทศศาสตร์ สื่อสารมวลชน ศิลปศาสตร์ ประชากรศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ การจัดการ การตลาด การเงิน การลงทุน การบัญชี ธุรกิจระหว่างประเทศ การท่องเที่ยวและโรงแรม และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> <p><strong>คำแนะนำสำหรับผู้แต่ง </strong></p> <p><strong> *ประเภทบทความที่รับตีพิมพ์ และแบบฟอร์มการเขียนบทความ (แบบ PDF) สามารถดาวน์โหลดได้ที่</strong></p> <p><a href="https://drive.google.com/file/d/1QCyTZlrgPqsgGS68EgCMXecxHMpTzC51/view?usp=sharing">https://drive.google.com/file/d/1QCyTZlrgPqsgGS68EgCMXecxHMpTzC51/view?usp=sharing</a></p> <p><strong> **แบบฟอร์มขอส่งบทความเพื่อขอรับการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) สามารถดาวน์โหลดได้ที่</strong></p> <p><em><a href="https://docs.google.com/document/d/1nrmY0OQetojJRsaZ_nRiUC15MxKPAcd_/edit?usp=sharing&amp;ouid=117847159940310360180&amp;rtpof=true&amp;sd=true">https://docs.google.com/document/d/1nrmY0OQetojJRsaZ_nRiUC15MxKPAcd_/edit?usp=sharing&amp;ouid=117847159940310360180&amp;rtpof=true&amp;sd=true</a></em></p> <p><strong> ทั้งนี้ หากท่านต้องการแบบฟอร์มการเขียนบทความ (แบบ Word) สามารถติดต่อได้ที่ </strong><strong>E-mail: suchada_sni@vu.ac.th</strong></p> th-TH วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) การนำเสนอการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าชาวไทยในธุรกิจแฟชั่น: กรณีศึกษาแบรนด์ NIKE https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2489 <p><strong>บทคัดย่อ </strong></p> <p> บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าชาวไทยและการถอดแบบกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจซื้อมาขายไปที่ประสบความสำเร็จ โดยใช้แนวคิดพฤติกรรมลูกค้าและแนวคิดส่วนประสมทางการตลาดสำหรับธุรกิจบริการเป็นกรอบในการศึกษา รวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการศึกษาจากข้อมูลทุติยภูมิจากการทบทวนวรรณกรรมจากเอกสาร งานวิจัย บทความวิชาการ และดำเนินการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ธุรกิจแฟชั่นแบรนด์ NIKE ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นในด้านการส่งเสริมการตลาดโดยการออกแบบกิจกรรมทางการตลาดเชิงเนื้อหา การตลาดเชิงกิจกรรม การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างบุคคลและตราสินค้าที่มีชื่อเสียง และการใช้สื่อสมัยใหม่ในการส่งเสริมการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ในตราสินค้าให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการให้ความสำคัญด้านช่องทางการจำหน่ายโดยการสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายรูปแบบทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง นอกจากนั้นแล้วธุรกิจดังกล่าวยังให้ความสำคัญในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลายเพื่อสร้างความดึงดูดใจแก่ลูกค้าอย่างเหมาะสมควบคู่กับกลยุทธ์ทางด้านการวางราคาที่เป็นธรรมสอดคล้องกับคุณภาพสินค้า และการให้ความสำคัญกับการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าแบบการสื่อสารสองทางเพื่อประสิทธิภาพในการสื่อสาร โดยข้อค้นพบในประเด็นพฤติกรรมลูกค้านั้นทำให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้า และกระแสนิยมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย นับว่าเป็นข้อมูลสำคัญในการใช้ในการวางกลยุทธ์ทางการตลาดบริการที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน นอกจากนี้ข้อค้นพบในประเด็นส่วนประสมทางการตลาดยังทำให้ทราบถึงกลยุทธ์ที่สำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอีกด้วย ผลการศึกษานี้นำไปสู่แนวทางการพัฒนาสำหรับการประกอบธุรกิจที่มีบริบทใกล้เคียงกันให้ประสบความสำเร็จและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถนำผลจากการศึกษานี้ไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องตามบริบทธุรกิจของตน</p> ฐิติกร รุ่งสว่าง เจตนิพัทธ์ ศรีเมือง ชัยรัมภา แสนคำ นาราภัทร อ่ำศรี บดินทร เอกรัตนณัฐ ชลิต เฉียบพิมาย Copyright (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 79 92 การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงวัยด้วยภูมิปัญญาไทย https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2459 <p> การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัยในสังคมไทยยุคใหม่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ดังนั้นการบูรณาการภูมิปัญญาไทยเข้ากับวิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยใหม่จึงเป็นแนวคิดทางเลือกที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพผ่านกิจกรรมทางกายที่มีโครงสร้างชัดเจน มีประสิทธิผลในเชิงสรีรวิทยา และสอดคล้องกับบริบทวัฒนธรรมของผู้สูงวัยไทย บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์แนวทางการบูรณาการภูมิปัญญาไทยกับวิทยาศาสตร์การกีฬาสมัยใหม่ในการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงวัย และ 2) เสนอแนวทางการส่งเสริมสุขภาพแบบบูรณาการภูมิปัญญาไทยสำหรับสังคมสูงวัยในทศวรรษหน้า โดยอาศัยการทบทวนวรรณกรรมและสังเคราะห์องค์ความรู้จากงานวิจัยและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ผลการวิเคราะห์พบว่า แนวทางการบูรณาการที่สำคัญประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพองค์รวมตามแนวคิดธาตุทั้งสี่ การประยุกต์ศิลปะการเคลื่อนไหวแบบไทย การฝึกยืดเหยียดและสมาธิ การบำบัดด้วยการสัมผัส และการใช้สมุนไพรเพื่อเสริมสมรรถภาพทางกาย ส่วนข้อเสนอแนวทางในอนาคตประกอบด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัล การสร้างเครือข่ายชุมชน การออกแบบโปรแกรมเฉพาะกลุ่ม การส่งเสริมการแพทย์แผนไทยเชิงป้องกัน และการบูรณาการโภชนาการสมุนไพรเข้าสู่ระบบการฝึก ซึ่งแนวทางทั้งหมดนี้สามารถต่อยอดสู่การพัฒนาเชิงระบบในระดับนโยบาย เป็นทั้งการบูรณาการองค์ความรู้และการรักษารากเหง้าทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับสุขภาวะของผู้สูงวัยไทยอย่างยั่งยืน</p> เตชภณ ทองเติม ณภัชนันท์ ฝุกล่อยธนันท์ Copyright (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 93 113 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการออมของอาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2709 <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นของปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านความรู้ทางการเงิน และพฤติกรรมการออมของอาจารย์และบุคลากร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 2) ศึกษาอิทธิพลปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านความรู้ทางการเงินที่มีต่อพฤติกรรมการออมของอาจารย์และบุคลากร มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นเพื่อคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจำนวน 266 คน จากอาจารย์และบุคลากรในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถามซึ่งประกอบด้วยคำถามเกี่ยวกับปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ ความรู้ทางการเงิน และพฤติกรรมการออม วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนาและเชิงอนุมาน เช่น ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์แบบถดถอยเชิงพหุคูณ</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นของปัจจัยที่ส่งผลต่อการออมในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง โดยมีความคิดเห็นปัจจัยด้านสังคมในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ปัจจัยด้านเศรษฐกิจในภาพรวม อยู่ในระดับมาก และปัจจัยด้านความรู้ทางการเงินในภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง และพฤติกรรมการออม ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก โดยมีความคิดเห็นระดับมากที่สุด ในด้านการจัดการหนี้สิน ระดับมาก ในด้านการออมและการลงทุน และด้านการจัดการเงินสด และระดับปานกลาง ในด้านการป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน</p> <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; ผลการวิเคราะห์การทดสอบความมีอิทธิพลของปัจจัยที่ส่งผลต่อการออม พบว่า ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านความรู้ทางการเงิน ส่งผลต่อพฤติกรรมการออมของอาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ด้วยขนาดผลกระทบ 0.136 และ 0.526 มีค่าพยากรณ์เท่ากับร้อยละ 33.8</p> เสาวลักษณ์ พระพรหม พิทยา ผ่อนกลาง อธิต ทิวะศะศิธร์ Copyright (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 1 16 การศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่มีต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียว https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2710 <p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคจังหวัดนครราชสีมา ในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียว 2) ระดับความคิดเห็นปัจจัยส่วนประสมการตลาดของผู้บริโภคจังหวัดนครราชสีมา ในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียว และ 3) ระดับความคิดเห็นการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียวของผู้บริโภคจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริโภคในเขตจังหวัดนครราชสีมาที่ตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียว จำนวน 385 คน สุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.851 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p><strong>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; </strong>ผลการศึกษาวิจัย พบว่า 1) ผู้บริโภคเป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 31-40 ปี รายได้ระหว่าง 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน การศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี และประกอบอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน 2) ปัจจัยส่วนประสมการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ ด้านส่งเสริมการตลาด ด้านราคา และด้านสถานที่จัดจำหน่ายมีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก และมีผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียว และ 3) ผู้บริโภคมีระดับความคิดเห็นในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์สีเขียวของผู้บริโภคจังหวัดนครราชสีมาอยู่ในระดับมาก</p> อังควิภา แนวจำปา รัชนี งาสระน้อย Copyright (c) 2025 วารสารมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 17 28 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านทุกอย่าง 20 บาท แบรนด์ฟุคุโระ ของผู้บริโภคในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2711 <p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; งานวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อในการใช้บริการร้านทุกอย่าง 20 บาท แบรนด์ฟุคุโระ ของผู้บริโภคในเขตพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และ 2) วิเคราะห์ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด (7Ps) ที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อในการใช้บริการดังกล่าว โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง วิธีการเจาะจง (Purposive Sampling) กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และเคยใช้บริการร้านทุกอย่าง 20 บาท แบรนด์ฟุคุโระ จำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ t-test, One-way ANOVA และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยประชากรศาสตร์ที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อในการใช้บริการที่นัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ได้แก่ เพศ สถานภาพ และอายุ ส่วนปัจจัยด้านระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ไม่พบว่ามีผลต่อกระบวนการตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ผลการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณพบว่า ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อกระบวนการตัดสินใจใช้บริการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการตลาด และกระบวนการ ตามลำดับ โดยมีค่าประสิทธิภาพในการพยากรณ์ร้อยละ 56.80 (R² = 0.568) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเลือกซื้อสินค้าในร้านทุกอย่าง 20 บาท อาจมีปัจจัยอื่นนอกเหนือจากปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดเช่น ความภักดีต่อตราสินค้า พฤติกรรมการซื้อซ้ำ หรืออิทธิพลจากสื่อสังคมออนไลน์ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจแต่ไม่ได้ถูกนำมาศึกษาในงานวิจัยนี้</p> ชาตรี วงษ์วิบูลย์สิน อธิต ทิวะศะศิธร์ Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 29 43 การวิเคราะห์ผลกระทบส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมซื้อสินค้าและบริการภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่อุทยานธรณีโคราช จังหวัดนครราชสีมา https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2712 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความคิดเห็นของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและบริการภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่อุทยานธรณีโคราช จังหวัดนครราชสีมา และศึกษาผลกระทบของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าและบริการภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่อุทยานธรณีโคราช จังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงปริมาณด้วยวิธีการสำรวจ กลุ่มเป้าหมายคือผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าและบริการของภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่อุทยานธรณีโคราช ใช้เครื่องมือแบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 400 ตัวอย่าง สุ่มตัวอย่างแบบไม่อาศัยความน่าจะเป็นด้วยวิธีเจาะจง (purposive sampling) และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การวิเคราะห์แบบถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า ระดับความคิดเห็นของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดในภาพรวม อยู่ในระดับมาก ด้วยค่าเฉลี่ย 4.14 เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่อยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านราคา ด้วยค่าเฉลี่ย 4.29 และด้านที่มีระดับความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านการส่งเสริมการตลาด และด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้วยค่าเฉลี่ย 4.14, 4.07, และ 4.05 ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลโดยตรงและมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ (β = 0.185) และด้านราคา (β = 0.312) ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในเชิงบวก ขณะที่ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายไม่มีค่าสัมประสิทธิ์ที่มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสามารถร่วมกันพยากรณ์ร้อยละ 21.90 (R² = 0.210)</p> ทรัพย์มณี บุญญโก ปิยพงษ์ นฤมิตสุวิมล Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 44 60 THE IMPACT OF WORK STRESS ON TEACHERS' JOB SATISFACTION : A CASE STUDY OF QINGDAO HUANGHAI UNIVERSITY https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JVU_HS/article/view/2713 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; The objectives were: 1) To assess the teachers’job satisfaction at Qingdao Huanghai University. 2) To study Qingdao Huanghai University teachers’ work stress. 3) To study the impact of work stress on job satisfaction. The sample consisted of 314 teachers, academic year 2024, using simple random sampling. The instrument used was a questionnaire. to collect data with an index of consistency (IOC) between 0.67 and 1.00 and the overall reliability of 0.95. Statistics used to analyze the data were mean and standard deviation. The hypothesis was tested by using the Pearson’s correlation coefficient. The statistical significance was set at the 0.05 level.</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; The study's results indicated that: 1) This study shows that different dimensions of work stress have important impacts on job satisfaction. Based on general research patterns and the logic of this study, it is inferred that teacher work stress and job satisfaction usually show a negative correlation—i.e., the greater the work stress, the lower the job satisfaction may be. Conversely, when stress is within a controllable range, it is more conducive to maintaining relatively high job satisfaction. 2) Reducing work stress, especially the interference between work and leisure time, is an effective strategy to improve teachers' job satisfaction, which can significantly enhance teachers' job satisfaction and student satisfaction.</p> Xiaowei Zheng Dhriwit Assawasirisilp Copyright (c) 2025 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-18 2025-06-18 3 1 61 78