วารสารทัศนมิติทางการศึกษา https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JPE <p><strong> วารสารทัศนมิติทางการศึกษา (Journal of Perspectives in Education : JPE) ซึ่งเป็นวารสารเพื่อการเผยแพร่ผลงานทางด้านการศึกษาที่เป็นความสนใจของนักวิชาการที่หลากหลายสาขาวิชา (cross-disciplinary interests) ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ เช่น การบริหารการศึกษา หลักสูตรและการสอน การจัดกระบวนการเรียนรู้ วิจัยการศึกษา การวัดและประเมินผลการศึกษา สถิติและสารสนเทศการศึกษา จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว สื่อทางการศึกษา เทคโนโลยีการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง</strong></p> <p><strong>ISSN 2822-1346 (Online)</strong> </p> คณะศึกษาศาสตร์และศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ th-TH วารสารทัศนมิติทางการศึกษา 2822-1346 ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่ ในจังหวัดตรัง https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JPE/article/view/732 <p>การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของสถานศึกษา และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่ ในจังหวัดตรัง กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่ ในจังหวัดตรัง กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยตารางสำเร็จรูปของเครซี่และมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 297 คน สุ่มตัวอย่างอย่างง่ายโดยวิธีการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถามภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์และแบบสอบถามประสิทธิผลของสถานศึกษา หาค่าความตรงเชิงเนื้อหาด้วยค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ ได้ค่าระหว่าง 0.67-1.00 หาค่าความเชื่อมั่นด้วยสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้ค่าเท่ากับ 0.981 และ 0.967 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก 2) ประสิทธิผลของสถานศึกษา ภาพรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมาก และ 3) ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่ ในจังหวัดตรัง มีความสัมพันธ์ทางบวก โดยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์มีค่าเท่ากับ .895 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ซึ่งมีความสัมพันธ์กันระดับสูงมาก</p> ณัฐสิทธิ์ ตันสกุล รุจิราพรรณ คงช่วย Copyright (c) 2024 วารสารทัศนมิติทางการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-19 2024-03-19 2 1 1 12 ผลของกลุ่มพัฒนาตนออนไลน์ต่อการรับรู้ความสามารถด้านการให้การปรึกษาและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักเรียนแกนนำเพื่อนที่ปรึกษา ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนาทวีวิทยาคม https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JPE/article/view/687 <p>การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลของกลุ่มพัฒนาตนออนไลน์ต่อการรับรู้ความสามารถด้านการให้การปรึกษาของนักเรียนแกนนำเพื่อนที่ปรึกษา และ 2) เพื่อศึกษาผลของกลุ่มพัฒนาตนออนไลน์ต่อความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของนักเรียนแกนนำเพื่อนที่ปรึกษา ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนาทวีวิทยาคม โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง คือ นักเรียนแกนนำเพื่อนที่ปรึกษา ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 12 คน เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มพัฒนาตนออนไลน์ จำนวน 6 ครั้ง ครั้งละ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากแบบวัดการรับรู้ความสามารถด้านการปรึกษาและแบบวัดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จากนั้นนำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วย สถิติเชิงบรรยาย คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมารตฐาน ค่าร้อยละ และการทดสอบวิลคอกซัน ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนแกนนำเพื่อนที่ปรึกษาที่เข้าร่วมกลุ่มพัฒนาตนออนไลน์ มีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถด้านการให้การปรึกษาและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 </p> โซฟียะห์ อะอูน ปรีนาภา ชูรัตน์ ร่ออ๊ะ สันโห Copyright (c) 2024 วารสารทัศนมิติทางการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-19 2024-03-19 2 1 13 25 ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JPE/article/view/738 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา เปรียบเทียบจำแนกตามตัวแปรเพศ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานและประมวลข้อเสนอแนะเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส กลุ่มตัวอย่างคือครูผู้สอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม จำนวน 273 คน คำนวณจากสูตรยามาเน่ เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ตอน สถิติที่ใช้ครั้งนี้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าที และค่าเอฟ เมื่อพบความแตกต่างจึงใช้การทดสอบค่าเฉลี่ยรายคู่ โดยใช้วิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) การเปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส จำแนกตามเพศและระดับการศึกษา โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน ส่วนตัวแปรประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน ระดับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้บริหารโดยภาพรวมพบว่า ครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 ปี มีระดับความคิดเห็นแตกต่างจากครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน 15 ปีขึ้นไปในทั้ง 4 ด้าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในอำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ผู้บริหารควรวางแผนและกำหนดเป้าหมายการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียนและผู้ปกครอง ควรสร้างแรงจูงใจในการทำงานใช้วิธีการสร้างความเป็นมิตรหรือให้คำชมเชย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้บุคลากรทำงานอย่างเต็มความสามารถ มีการมอบหมายงานให้บุคลากรได้รับผิดชอบตรงตามความสามารถของตนเองเพื่อพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น</p> ซุลกีฟลี บูกุ นิตยา เรืองแป้น Copyright (c) 2024 วารสารทัศนมิติทางการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-19 2024-03-19 2 1 26 37 การออกแบบและพัฒนาระบบการฝึกอบรมแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างทักษะการสร้างสื่อการสอนโดยใช้ Canva เพื่อการศึกษาสำหรับครู กลุ่มโรงเรียน ราชบุรี สระบุรี และนครปฐม https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JPE/article/view/866 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาผลการใช้ระบบการฝึกอบรมแบบผสมผสานและพัฒนาระบบโดยใช้ ADDIE MODEL และ 2) เพื่อการศึกษาทักษะการสร้างสื่อการสอนโดยใช้ Canva เพื่อการศึกษาสำหรับครู กลุ่มโรงเรียน ราชบุรี สระบุรี และนครปฐม เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบประเมินผล กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูและบุคลากร กลุ่มโรงเรียนราชบุรี สระบุรี และนครปฐม จำนวน 20 คน โดยการสุ่มแบบเจาะจง วิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์แบบเชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาครูโดยการอบรมครูและบุคลากรในการสร้างสื่อการสอนโดยใช้ Canva เพื่อการศึกษา ผู้เข้าอบรมมีคะแนนการอบรมหลังอบรมสูงกว่าก่อนอบรม 2) การพัฒนาทักษะดิจิทัลด้านการสร้างสื่อการสอนโดยใช้ Canva เพื่อการศึกษา โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี 3) การประเมินผลการอบรมของครูและบุคลากรในการสร้างสื่อการสอนโดยใช้ Canva เพื่อการศึกษา ด้วยรูปแบบของเคิร์กแพททริค ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มีความคิดเห็นโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งผู้เข้าอบรมมีความคิดเห็นด้านผลการเรียนรู้ เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านปฏิกิริยาและด้านผลลัพธ์ และด้านพฤติกรรม ตามลำดับ และ 4) การประเมินความพึงพอใจของระบบการฝึกอบรมในการสร้างสื่อการสอนโดยใช้ Canva เพื่อการศึกษา ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มีความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งผู้เข้าอบรมมีความพึงพอใจด้านการนำความรู้ไปใช้ในในการจัดการเรียนรู้ เป็นอันดับแรก รองลงมา คือ ด้านวิทยากร และด้านความรู้ความเข้าใจ ตามลำดับ</p> ณฐาพัชร์ วรพงศ์พัชร์ Copyright (c) 2024 วารสารทัศนมิติทางการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-19 2024-03-19 2 1 38 52 ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนราธิวาส https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JPE/article/view/806 <p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา 2) เพื่อเปรียบเทียบภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน และ 3) เพื่อประมวลปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนราธิวาส กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูที่หน้าที่ในการจัดการเรียนการสอน สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดนราธิวาส กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเครจซีและมอร์แกน ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 153 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและสถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบค่าทีอิสระ และทดสอบค่าเอฟ ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ผลการปรียบเทียบภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา จำแนกตามเพศ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน พบว่า โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน พิจารณารายด้าน พบว่าด้านความสามารถในการบริหารและด้านการมีทักษะการสื่อสาร มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 คือ ครูที่มีประสบการณ์การทำงาน น้อยกว่า 5 ปี และมากกว่า 10 ปี มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ในด้านความสามารถในการบริหารและด้านการมีทักษะการสื่อสาร และ 3) ข้อเสนอแนะ ภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดนราธิวาส ผู้บริหารสถานศึกษา ควรกำหนดวิสัยทัศน์ให้สอดคล้องกับนโยบาย และบริบทของพื้นที่ ให้ชัดเจน และควรมีการปรับปรุง แก้ไขวิสัยทัศน์ในทุก ๆ 5 ปี ควรพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร ในการสื่อสารอาจต้องคำนึงถึงถ้อยคำ หรือวาจาของตนเองให้มากที่สุด ควรใช้ความสามารถในการบริหารงาน มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ชัดเจน มอบหมายงานให้ตรงตามความสามารถของแต่ละคน ควรเรียนรู้หลักการบริหารในยุคใหม่อยู่เสมอ และสามารถพาบุคคลากรทำงานร่วมกันเป็นทีม ได้ด้วยความเต็มใจ</p> รุสลัน ดาโอะ นิตยา เรืองแป้น Copyright (c) 2024 วารสารทัศนมิติทางการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-03-19 2024-03-19 2 1 ุ53 63