https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/issue/feed
วารสารธรรมสาส์น
2025-06-29T00:00:00+07:00
พระครูสิริสุตานุยุต, รศ. ดร.
udorn.sang@mcu.ac.th
Open Journal Systems
<h2><strong>วารสารธรรมสาส์น</strong></h2> <p>วารสารนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาในมิติต่าง ๆ ผ่านบทความวิจัยและบทความวิชาการจากนักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในบริบทที่หลากหลาย เปิดรับการตีพิมพ์บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <h2><strong>ขอบเขตของวารสาร</strong></h2> <p><strong>1. พระพุทธศาสนากับคัมภีร์โบราณ<br /></strong>- การแปลและวิเคราะห์คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา<br />- ความเชื่อมโยงของคัมภีร์โบราณกับสังคมและวัฒนธรรมในปัจจุบัน</p> <p><strong>2. พระพุทธศาสนากับปรัชญา</strong><br />- แนวคิดทางปรัชญาในพระพุทธศาสนา ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ<br />- การเปรียบเทียบปรัชญาพุทธศาสนากับแนวคิดปรัชญาตะวันตกและตะวันออก<br />- พระพุทธศาสนากับจริยศาสตร์และคุณธรรม</p> <p><strong>3. พระพุทธศาสนากับศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมท้องถิ่น</strong><br />- ศิลปะและสถาปัตยกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา<br />- บทบาทของพระพุทธศาสนาในวรรณกรรมท้องถิ่นและวรรณกรรมพุทธศาสนา<br />- การสืบทอดและพัฒนาวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา</p> <p><strong>4. การเผยแผ่พระพุทธศาสนา</strong><br />- บทบาทของพระนักเทศน์ พระนักเผยแผ่ และพระสังฆาธิการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา<br />- วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในยุคดิจิทัล<br />- การประยุกต์ใช้หลักธรรมในสังคมสมัยใหม่</p> <p><strong>5. พระพุทธศาสนากับศาสตร์อื่น ๆ</strong><br />- การศึกษาบูรณาการพระพุทธศาสนากับศาสตร์อื่น ๆ เช่น จิตวิทยา การศึกษา สังคมวิทยา และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น<br />- การนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ร่วมกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี<br />- ความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนากับการแก้ไขปัญหาโลกยุคปัจจุบัน</p> <p>วารสารธรรมสาส์นนี้มีเป้าหมายในการเป็นเวทีทางวิชาการที่เปิดกว้างให้กับผู้ที่สนใจศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมุ่งมั่นในการเผยแพร่ผลงานที่มีคุณภาพเพื่อพัฒนาวงการวิชาการด้านพระพุทธศาสนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น</p> <h2><strong>วัตถุประสงค์</strong></h2> <p>1. เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และเพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการของพระสงฆ์ พระสังฆาธิการ พระนักเทศน์ พระนักเผยแผ่ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม นักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ และนิสิตในระดับบัณฑิตศึกษา ในมิติทางด้านพระพุทธศาสนากับปรัชญา พุทธศาสนากับคัมภีร์โบราณ พระพุทธศาสนากับศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรมท้องถิ่น<br />2. เพื่อเปิดรับการตีพิมพ์บทความวิจัย บทความวิชาการ และบทวิจารณ์หนังสือ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <h2><strong>กำหนดออกเผยแพร่วารสาร</strong></h2> <p>ปีละ 2 ฉบับ <br />ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน <br />ฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม <br /><br />ตั้งแต่ ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (กรกฏาคม-ธันวาคม 2567) เป็นต้นไป โดยจะเผยแพร่บทความแบบออนไลน์ ในเว็ปไซด์ของระบบ Thaijo <a href="https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/" target="_blank" rel="noopener" data-saferedirecturl="https://www.google.com/url?q=https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/&source=gmail&ust=1733194970785000&usg=AOvVaw078MqULScXtDVxKbYrNQ6c">https://so10.tci-thaijo.org/<wbr />index.php/JDSN/</a></p> <p><strong>ISSN : <a href="https://portal.issn.org/resource/ISSN/3057-0441">3057-0441</a>(Online)</strong></p> <h2><strong>ค่าธรรมเนียมการเผยแพร่<br /></strong></h2> <p>ไม่คิดค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</p> <h2><strong>กระบวนการพิจารณาบทความจากผู้ทรงคุณวุฒิ</strong></h2> <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาและไม่มีส่วนได้เสียกับผู้นิพนธ์ ขั้นต่ำ 2 ท่าน ในลักษณะปกปิดรายชื่อ (Double blind peer-reviewed) ทั้งนี้ บทความจากผู้นิพนธ์ภายในจะได้รับการ พิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสาร ส่วนบทความจากหน่วยงานภายนอกจะได้รับการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายในหรือนอกหน่วยงานที่จัดทำวารสารบทความที่ส่งมาขอรับการตีพิมพ์ในวารสารธรรมสาส์น จะต้องไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ระหว่างการ พิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อการตีพิมพ์ในวารสารอื่น ผู้นิพนธ์จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และ ข้อกำหนดการเสนอบทความของวารสารธรรมสาส์นอย่างเคร่งครัด รวมทั้งระบบการอ้างอิงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่วารสารกำหนด ทัศนะ ความคิดเห็นหรือข้อสรุปที่ปรากฏในบทความ วารสารธรรมสาส์นถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความนั้น ไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการวารสารธรรมสาส์นแต่อย่างใด</p> <h2><strong>นโยบายด้านลิขสิทธิ์</strong></h2> <p>ข้อความหรือความคิดเห็นต่าง ๆ ในบทความ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความ ไม่ถือเป็นความรับผิดชอบของบัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย</p> <h2><strong>นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล</strong></h2> <p>ชื่อและอีเมลที่กรอกไว้ในวารสารจะใช้ในกระบวนการของวารสารนี้เท่านั้น</p> <h2><strong>หน่วยงานผู้รับผิดชอบ</strong></h2> <p>บัณฑิตศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ลำพูน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย</p>
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2567
การศึกษาวิเคราะห์ตำนานพระธาตุเจ้าจอมยอง
2025-05-22T15:33:07+07:00
พระเจษฎา สอนบาลี
sonbali2522@gmail.com
พระมหาอินทร์วงค์ วงค์ไชยคำ
sonbali2522@gmail.com
<p>ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการตำนานพระธาตุเจ้าจอมยอง พบว่า เป็นตำนานทางพุทธศาสนา และตำนานของชาติพันธุ์ไทลื้อ หรือไทลื้อเมืองยอง รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า และได้แพร่กระจายในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ในปัจจุบันมีการสำรวจพบว่ามีไม่น้อยกว่า 15 สำนวน โดยมีเนื้อหาแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ 1) ตำนานฝ่ายวัด หรือตำนานทางพระพุทธศาสนา 2) ตำนานฝ่ายเมือง มีเนื้อหาเกี่ยวกับบ้านเมือง กษัตริย์ ขุนนาง ผู้นำบรรพบุรุษ ความเป็นมาของชุมชนชาวไทยอง ในการศึกษาลักษณะการประพันธ์ของตำนานพระธาตุเจ้าจอมยองพบว่า ลักษณะการประพันธ์มีรูปแบบลักษณะร้อยแก้ว โดยมีเนื้อหาที่สืบทอดเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ และวรรณกรรมลายลักษณ์ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาผสมผสานกับประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของชาวไทยอง ในเนื้อหาตำนานพระธาตุเจ้าจอมยอง พบว่า คุณค่าด้านวรรณกรรมมีเอกลักษณ์การถ่ายทอดความเชื่อในสังคมล้านนา คุณค่าด้านประวัติศาสตร์ คุณค่าด้านการเมืองการปกครอง คุณค่าด้านจริยธรรม ด้านคติธรรม ในส่วนของบทบาทและอิทธิพลปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงในด้านสังคมวัฒนธรรม ด้านจารีตประเพณี พิธีกรรม และด้านพุทธศิลป์ในล้านนา</p>
2025-06-29T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2564
พัฒนาการของคัมภีร์ธรรมและรูปแบบการเทศน์ในล้านนา
2025-05-22T15:29:15+07:00
พัลลพ หารุคำจา
harucamjamcu@gmail.com
ธวัชชัย ไชยวุฒิ
harucamjamcu@gmail.com
<p>การพัฒนาคัมภีร์ธรรมและรูปแบบการเทศน์ในล้านนาเป็นกระบวนการที่สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างศาสนาพุทธและวัฒนธรรมท้องถิ่นในภาคเหนือของไทย ตั้งแต่การบันทึกคัมภีร์ในรูปแบบลายมือบนแผ่นไม้และผ้าใบในช่วงแรก การแปลคัมภีร์พระไตรปิฎกจากภาษาบาลีเป็นภาษาล้านนาเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น จนถึงการใช้ศิลปะและภาพวาดในการอธิบายคำสอนให้กับผู้ศึกษาทั้งในและนอกวัด นอกจากนี้ยังมีการพัฒนารูปแบบการเทศน์ที่สอดคล้องกับความเข้าใจของคนในท้องถิ่น โดยการใช้ภาษาล้านนาและสำนวนที่เรียบง่าย การเทศน์ในลักษณะนี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยให้การศึกษาคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งเสริมการถ่ายทอดวัฒนธรรมและค่านิยมทางศาสนาไปสู่ชุมชนในภาคเหนือ</p>
2025-06-29T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2568
การประยุกต์หลักอริยสัจ 4 เพื่อการแก้ปัญหาความเครียดในชีวิตประจำวัน
2025-05-22T15:35:06+07:00
นฤพันธ์ สมเจริญ
nareupan.som@mcu.ac.th
<p>บทความวิชาการเชิงวิเคราะห์เรื่องการประยุกต์หลักอริยสัจ 4 เพื่อการแก้ปัญหาความเครียดในชีวิตประจำวัน ซึ่งเน้นกระบวนการภายในลึกซึ้งและเป็นระบบ เริ่มจากการยอมรับ “ทุกข์” ว่าความเครียดเป็นสภาวะหลีกเลี่ยงไม่ได้ และควรเรียนรู้เพื่อเข้าใจ จากนั้นวิเคราะห์ “สมุทัย” หรือเหตุแห่งความเครียดที่มักเกิดจากตัณหา ความยึดติด และความไม่รู้เท่าทันอารมณ์ การตระหนักถึงต้นตอปัญหาจึงสำคัญ ต่อด้วยการเห็น “นิโรธ” หรือการดับทุกข์ด้วยการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นในสิ่งไม่จีรัง สุดท้ายคือการปฏิบัติตาม “มรรค” ผ่านมรรคมีองค์ 8 เช่น ฝึกสติ สมาธิ ปัญญา และดำเนินชีวิตอย่างมีสติและพอเพียง แนวทางนี้ช่วยคลี่คลายความเครียดในระดับลึก พร้อมส่งเสริมความเข้มแข็งทางจิตใจอย่างยั่งยืน บทความยังเน้นการฝึกสมาธิภาวนาและเจริญสติปัฏฐาน 4 เพื่อพัฒนาจิตใจให้สงบและมีปัญญาในการเผชิญความทุกข์จริง จึงเสนอให้นำหลักอริยสัจ 4 มาใช้เป็นแนวทางเยียวยาความเครียดอย่างเป็นรูปธรรมและเข้าถึงได้ในชีวิตประจำวัน โดยสรุป ความเครียดในพุทธศาสนาเกิดจากการยึดมั่นในอารมณ์และความคิด การจัดการต้องฝึกจิตใจด้วยอริยสัจ 4 มรรคมีองค์ 8 และสมาธิภาวนา เพื่อสร้างสติ ปัญญา และความสงบอย่างยั่งยืนในการเผชิญความเครียด</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2562
พุทธบูรณาการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านความซื่อสัตย์สุจริตของนักเรียนระดับประถมศึกษา
2025-05-22T14:50:29+07:00
ฉวีวรรณ เกตุสุวรรณ
nareupan.som@mcu.ac.th
ธนชาดา วงศ์กิติ
nareupan.som@mcu.ac.th
<p>บทความวิชาการเรื่อง “พุทธบูรณาการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค์ด้านความซื่อสัตย์สุจริตของนักเรียนระดับประถมศึกษา” มุ่งศึกษาการประยุกต์ใช้หลักธรรมทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะแนวคิด “รุ่งอรุณของการศึกษา” ซึ่งประกอบด้วย 7 องค์ธรรม ได้แก่ กัลยาณมิตตตา สีลสัมปทา ฉันทสัมปทา อัตตสัมปทา ทิฏฐิสัมปทา อัปปมาทสัมปทา และโยนิโสมนสิการสัมปทา มาเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่บูรณาการทั้งด้านเนื้อหา จิตใจ และพฤติกรรม เพื่อส่งเสริมคุณลักษณะความซื่อสัตย์สุจริตในผู้เรียนระดับประถมศึกษาอย่างเป็นระบบ <br />ผลการวิเคราะห์พบว่า การใช้กัลยาณมิตตตา ช่วยส่งเสริมแบบอย่างที่ดีในสังคมโรงเรียน สีลสัมปทาสร้างวินัยและจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบ ฉันทสัมปทาเพิ่มแรงจูงใจในการประพฤติดี อัตตสัมปทาพัฒนาความมุ่งมั่นในการฝึกฝนตน ทิฏฐิสัมปทาสร้างความเข้าใจและตัดสินใจอย่างมีเหตุผล อัปปมาทสัมปทาเสริมสติไม่ประมาทในการกระทำ และโยนิโสมนสิการสัมปทาส่งเสริมการคิดไตร่ตรองเพื่อเข้าถึงความจริง ทั้งหมดนี้สามารถบูรณาการผ่านกิจกรรมในชั้นเรียน เช่น การสะท้อนตน การอภิปราย การฝึกวินัย การคิดวิเคราะห์ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ</p>
2025-07-02T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2582
ภูมิปัญญาท้องถิ่น : การอนุรักษ์ลายฉลุสังกะสี ศิลปะไทใหญ่จังหวัดแม่ฮ่องสอน
2025-05-22T16:11:06+07:00
พระครูอนุสารนันทสิทธิ์
taweeasakoonsom01@gmail.com
ธวัชชัย ไชยวุฒิ
empk.1992@gmail.com
พัลลพ หารุคำจา
empk.1992@gmail.com
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่นในการอนุรักษ์ศิลปะลายฉลุสังกะสีของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ผลการศึกษาพบว่าอัตลักษณ์ของชาวไทใหญ่มีความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับวิถีวัฒนธรรม ประเพณี และพิธีกรรมที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาควบคู่กับความเชื่อเรื่องผีและเจ้า ทำให้ชุมชนเกิดความภาคภูมิใจในรากเหง้าวัฒนธรรมของตนการอนุรักษ์ลายฉลุสังกะสีในศิลปะไทใหญ่มีลักษณะเป็นการถ่ายทอดเชิงครอบครัว โดยไม่ มีสถาบันการศึกษารองรับช่างฝีมือหรือ “สล่า” จะถ่ายทอดความรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงกับลูกมือหรือสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่พึ่งพาประสบการณ์ตรงและพรสวรรค์เฉพาะบุคคลลวดลายไตที่ปรากฏในการฉลุสังกะสีสะท้อนถึงความเชื่อ ความงามเชิงสัญลักษณ์ และวิถีชีวิตของชาวไทใหญ่ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ โดยบทบาทของวัดในฐานะศูนย์กลางชุมชนมีส่วนสำคัญในการธำรง ฟื้นฟู และเผยแพร่องค์ความรู้เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง การอนุรักษ์ที่เชื่อมโยงกับวิถีชุมชนและศรัทธาทางศาสนาจึงมีความสำคัญยิ่งต่อการธำรงอัตลักษณ์และความยั่งยืนของวัฒนธรรมท้องถิ่นไทใหญ่</p>
2025-07-03T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2398
พลวัตการเรียนรู้กับการสร้างค่านิยมของผู้ปกครองของนักเรียน โรงเรียนพระปริยัติธรรมในจังหวัดลำปาง
2025-06-15T08:04:49+07:00
พระอธิการเกรียงศักดิ์ โชคดี
kringsakchokdee2537@gmail.com
<p>บทความนี้มุ่งนำเสนอพลวัตการเรียนรู้กับการสร้างค่านิยมของผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงประเด็นการศึกษาที่มีความเป็นพลวัต ซึ่งประกอบไปด้วย การบริหารจัดการโรงเรียนพระปริยัติธรรม พลวัตของโรงเรียนปริยัติธรรมกับกระบวนการพัฒนาผู้เรียนของโรงเรียนปริยัติธรรม ด้านความรู้ ด้านวิธีวิทยา และด้านการเรียนรู้ เชื่อมโยงความรู้ไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีจุดหมายเพื่อการสร้างค่านิยมของผู้ปกครองของนักเรียน กรณี โรงเรียนพระปริยัติปานคำศึกษา ที่มีผู้บริหารเป็นพระสงฆ์และมีวิสัยทัศน์บริหารจัดการโรงเรียนให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาที่มีการแข่งขันของตลาดการศึกษาสูง อีกทั้งนำหลักคุณธรรม จริยธรรม มาเสริมสร้างให้นักเรียนมีความเข้มแข็งด้านจิตใจ และสติปัญญานำมาบูรณาการกับเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม และองค์ความรู้ใหม่ พลวัตการเรียนรู้กับการสร้างค่านิยมของผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมเป็นการนำพาองค์กรไปสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศทางด้านการศึกษาเพื่อให้ผู้ปกครองเชื่อมั่นต่อระบบการศึกษาก่อนที่จะนำบุตรหลานเข้ามาเรียนหนังสือ อีกทั้งมีวิสัยทัศน์บริหารจัดการโรงเรียนให้ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของระบบการศึกษาที่มีการแข่งขันของตลาดการศึกษาสูง โดยนำหลักคุณธรรม จริยธรรม มาเสริมสร้างให้นักเรียนมีความเข้มแข็งด้านจิตใจ และสติปัญญานำมาบูรณาการกับเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียนเพื่อให้เกิดการยอมรับของผู้ปกครอง</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2576
อิทธิพลของพุทธศาสนาเซนต่อวิถีชีวิตและจิตสำนึกของผู้คน
2025-05-22T16:06:08+07:00
เตชิน อิสระภาณุวงค์
wiwat_bigbang@hotmail.com
พระครูใบฎีกาธนวัฒน์ ปญฺญาวุโธ
wiwat_bigbang@hotmail.com
จันทรัสม์ ตาปูลิง
wiwat_bigbang@hotmail.com
<p>บทความนี้มุ่งศึกษาลักษณะเฉพาะของหลักธรรมในพระพุทธศาสนานิกายเซน (Zen Buddhism) และวิเคราะห์อิทธิพลของหลักธรรมดังกล่าวที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนในบริบทวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยเฉพาะในด้านศิลปะ จิตวิญญาณ และพฤติกรรมทางสังคม อันสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของคำสอนทางพุทธศาสนาในบริบทโลกาภิวัตน์ที่ไม่เพียงเป็นระบบคำสอนเชิงปรัชญา หากแต่เป็น “วิถีแห่งชีวิต” ที่หล่อหลอมความคิดและการดำเนินชีวิตประจำวันให้กลมกลืนกับธรรมชาติและความสงบภายใน<br />นิกายเซนมีจุดเด่นที่แตกต่างจากแนวพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม โดยเน้นการเข้าถึง “จิตเดิมแท้” ผ่านประสบการณ์ตรง ไม่ยึดติดกับคัมภีร์หรือตรรกะ และหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำในการถ่ายทอดธรรมะ โดยเชื่อว่าความรู้แจ้งหรือซาโตริ (Satori) สามารถเกิดขึ้นได้ในการดำรงชีวิตประจำวันทุกขณะ เมื่อจิตมีสติ ตื่นรู้ และไม่ยึดมั่นถือมั่นในรูปแบบหรือความคิดใดๆ ซึ่งในด้านวัฒนธรรม บทความชี้ให้เห็นว่าแนวคิดของเซนได้ถ่ายทอดและแทรกซึมในวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในหลายมิติ ได้แก่ 1) วิถีชา ซึ่งสะท้อนหลักแห่งความกลมกลืน ความเคารพ ความบริสุทธิ์ และความสงบ, 2) วิถีซามูไร ที่ผนวกรวมหลักเซนเพื่อพัฒนาความกล้าหาญ ความสงบภายใน และการรู้เท่าทันตนเองของนักรบ, 3) วิถีบทกวีไฮกุ) ที่ใช้รูปแบบคำประพันธ์สั้นในการถ่ายทอดอารมณ์และประสบการณ์แห่งความสงบเรียบง่ายตามแนวเซน, และ 4) วิถีแห่งสวนเซน ซึ่งแสดงออกถึงจิตสำนึกที่กลมกลืนกับธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ฝึกฝนจิตใจผ่านความงามอันเรียบง่าย</p>
2025-07-03T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น
https://so10.tci-thaijo.org/index.php/JDSN/article/view/2571
อักโกสกสูตรกับการรับมือถ้อยคำลบ : ปัญญาเชิงพุทธ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบ
2025-05-22T16:00:14+07:00
พงษ์ประภากรณ์ สุระรินทร์
phongmcu@gmail.com
จันทรัสม์ ตาปูลิง
phongmcu@gmail.com
พระปลัดธวัชชัย ขตฺตยเมธี
phongmcu@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหลักธรรมและวิธีการที่พระพุทธเจ้าใช้ในการรับมือกับถ้อยคำหยาบคายและการด่าทอใน อักโกสกสูตร โดยเน้นการวิเคราะห์พุทธวิธีการจัดการกับคำด่าทอและความโกรธด้วยปัญญา เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในบริบทปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมยุคดิจิทัลที่การใช้วาจารุนแรงปรากฏแพร่หลายในสื่อโซ เนื้อหา อักโกสกสูตร ให้ข้อคิดเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดการความโกรธและคำพูดรุนแรงอย่างมีปัญญา โดยพระพุทธเจ้าใช้วิธีการตอบโต้คำด่าด้วยเหตุผล สติ และความสงบ ไม่ตอบโต้ด้วยความโกรธ ซึ่งวิธีการของพระพุทธเจ้าในการรับมือกับคำด่าไม่เพียงเป็นแบบอย่างของ “อหิงสา” และ “เมตตา” แต่ยังเป็นแนวทางที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสังคมร่วมสมัย ทั้งในระดับบุคคลและสังคม เช่น การเผชิญหน้ากับวาจารุนแรงบนโลกออนไลน์ หรือการลดทอนความขัดแย้งในความสัมพันธ์ส่วนบุคคลและชุมชน</p>
2025-07-04T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารธรรมสาส์น