วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL <table width="802"> <tbody> <tr> <td width="802"><strong>วัตถุประสงค์ของวารสาร</strong></td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิชาการและงานวิจัยที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาองค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทฤษฎี และข้อคิดเห็นเชิงวิชาการในหลากหลายมิติ อาทิเช่น เศรษฐศาสตร์การพัฒนา เศรษฐศาสตร์การเมือง เศรษฐศาสตร์เกษตรและสิ่งแวดล้อม การเงิน พฤติกรรมองค์กร ระบบสหกรณ์ ระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว การพัฒนาสังคมและชุมชน ตลอดจนด้านการบริหารและการจัดการ </td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารมุ่งเน้นการส่งเสริมและเผยแพร่องค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์สู่แวดวงวิชาการและสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาและประยุกต์ใช้ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์อย่างเหมาะสม โดยมีเป้าหมายในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน สังคม และภาคนโยบายในวงกว้าง</td> </tr> <tr> <td width="802"> </td> </tr> <tr> <td width="802"><strong>ประเภทของผลงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร</strong></td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดรับตีพิมพ์บทความทางวิชาการและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ทางเศรษฐศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งประเภทของผลงานที่รับพิจารณาดังนี้</td> </tr> <tr> <td width="802"> <strong> 1. บทความวิจัย (Research Article)</strong> เป็นบทความที่นำเสนอผลการศึกษาหรือการค้นคว้าเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐศาสตร์ หรือประเด็นที่ต้องการคำตอบทางวิชาการ โดยมีการกำหนดกรอบแนวคิด การเก็บรวบรวมข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งมีการสรุปผลการศึกษาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการสร้างองค์ความรู้ที่มีคุณค่าและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเชิงวิชาการและเชิงปฏิบัติได้</td> </tr> <tr> <td width="802"> <strong>2. บทความวิชาการ (Academic Article)</strong> เป็นบทความที่มุ่งเน้นการนำเสนอแนวคิด ทฤษฎี หรือการวิเคราะห์และวิพากษ์แนวทางเศรษฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ โดยอาจเป็นการสังเคราะห์องค์ความรู้ใหม่ หรือขยายขอบเขตความรู้เดิมในเชิงลึก เพื่อให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และการนำไปใช้ในภาคปฏิบัติ</td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มุ่งมั่นเป็นเวทีสำหรับการเผยแพร่องค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทางวิชาการให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและวงวิชาการในระดับกว้าง</td> </tr> <tr> <td width="802"> <p><strong>ขอบเขตของวารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้</strong></p> <p> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เผยแพร่บทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยบทความที่จะได้รับการตีพิมพ์ต้องมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์ในหลายมิติและการพัฒนาสังคมและชุมชนและการจัดการ (การบริหารและการจัดการ) ต้องนำเสนอให้เห็นถึงการสร้างสรรค์องค์ความรู้ทางวิชาการที่มีประโยชน์และน่าสนใจ รวมถึงการนำเสนอผลการวิจัยที่เป็นปัจจุบัน เป็นประโยชน์ต่อแวดวงวิชาการและวิชาชีพ และบทความจะผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถในสาขาที่บทความนั้นเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันโดยขอบเขตเนื้อหาทางวิชาการของบทความที่จะเผยแพร่ในวารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จะต้องมีเนื้อหาครอบคลุมในด้าน ดังต่อไปนี้</p> <p> - ด้านเศรษฐศาสตร์การพัฒนา - ด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง - ด้านเศรษฐศาสตร์เกษตร</p> <p> - ด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม - ด้านเศรษฐศาสตร์การเงิน - ด้านเศรษฐมิติ</p> <p> - ด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม - ด้านเศรษฐศาสตร์สหกรณ์ - ด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ</p> <p> - ด้านเศรษฐศาสตร์การท่องเที่ยว - ด้านการพัฒนาสังคมและชุมชน - ด้านการจัดการ (การบริหารและการจัดการ)</p> </td> </tr> <tr> <td width="802"><strong>กำหนดการออกวารสาร</strong></td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีกำหนดออกปีละ 2 ฉบับ คือ </td> </tr> <tr> <td width="802"> ฉบับที่ 1 ระหว่างเดือนมกราคม - เดือนมิถุนายน</td> </tr> <tr> <td width="802"> ฉบับที่ 2 ระหว่างเดือนกรกฎาคม - เดือนธันวาคม</td> </tr> <tr> <td width="802"> </td> </tr> <tr> <td width="802"><strong>การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์</strong></td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์) สำหรับบทความทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบทความภาษาไทยหรือบทความภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ วารสารมุ่งเน้นการสนับสนุนการเผยแพร่องค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์และสาขาที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้เขียน แต่อย่างไรก็ตาม บทความที่ส่งเข้ารับการพิจารณาต้องเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด และต้องผ่านกระบวนการประเมินคุณภาพโดยผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรฐานทางวิชาการ กองบรรณาธิการวารสารขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธการตีพิมพ์บทความในกรณีต่อไปนี้</td> </tr> <tr> <td width="802"> 1. บทความมีความซ้ำซ้อนของเนื้อหามากกว่า 25% จากการตรวจสอบด้วยโปรแกรมในระบบ ThaiJO ThaiJO หรือเรียกว่า Copycatch </td> </tr> <tr> <td width="802"> 2. ผู้เขียนไม่ปฏิบัติตามรูปแบบที่วารสารกำหนด</td> </tr> <tr> <td width="802"> 3. บทความจะไม่ถูกตีพิมพ์ หากไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้เขียนไม่ดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและกองบรรณาธิการภายในระยะเวลาที่กำหนด</td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยินดีเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่องค์ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้และการแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและวงวิชาการโดยรวม</td> </tr> <tr> <td width="802"> </td> </tr> <tr> <td width="802"><strong>กระบวนการพิจารณาบทความของวารสาร</strong></td> </tr> <tr> <td width="802"> วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดรับบทความทั้งภาษาไทยและอังกฤษในรูปแบบ บทความวิจัย (Research) และบทความวิชาการ (Viewpoint) จากนักวิชาการ คณาจารย์ นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป โดยบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ ต้องไม่เคยเผยแพร่มาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาจากวารสารอื่น ทุกบทความต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของวารสาร และจะได้รับการประเมินโดย ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 ท่าน ผ่านกระบวนการ Double-blind peer review เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความน่าเชื่อถือของเนื้อหา</td> </tr> <tr> <td width="802"> ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน และไม่จำเป็นต้องสะท้อนมุมมองของกองบรรณาธิการ ทั้งนี้ วารสารไม่สงวนลิขสิทธิ์การคัดลอก แต่ต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง</td> </tr> </tbody> </table> <p> </p> th-TH maejojournal.sd@gmail.com (ผศ.ดร.กฤตวิทย์ อัจฉริยะพานิชกุล) maejojournal.sd@gmail.com (ผศ.ดร.กฤตวิทย์ อัจฉริยะพานิชกุล) Mon, 30 Jun 2025 20:53:44 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของการผลิตข้าวนาดำและนาหว่านของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2390 <p>ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแบบนาดำและนาหว่าน ในพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลข้อมูลจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแบบนาดำ 175 ราย และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแบบนาหว่าน 175 ราย รวมทั้งสิ้น 350 ราย ด้วยแบบสอบถามแบบมีโครงสร้าง นำมาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจด้วย Budgeting Analysis ผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของการผลิตข้าวของเกษตรกรในพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นต้นทุนแรงงานซึ่งอยู่ในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะต้นทุนในการเตรียมดิน ส่วนต้นทุนด้านปัจจัยการผลิตที่สูงที่สุดคือต้นทุนค่าปุ๋ยบำรุงดิน โดยต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ของการปลูกด้วยวิธีนาดำต่ำกว่าวิธีนาหว่าน แต่การปลูกข้าวด้วยวิธีนาดำจะทำให้ใช้สารเคมีในการกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชน้อยกว่านาหว่าน แต่สัดส่วนกำไรสุทธิต่อรายรับนาดำต่ำกว่าการปลูกข้าวแบบนาหว่านเล็กน้อย ทั้งนี้ต้นทุนของเกษตรกรทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่กำไรสุทธิของการผลิตข้าวของเกษตรกรทั้งสองกลุ่มไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ</p> อารีย์ เชื้อเมืองพาน, มนตรี สิงหะวาระ, อัศวิน เผ่าอำนวยวิทย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2390 Wed, 25 Jun 2025 00:00:00 +0700 An Analysis of Commuters’ transport mode Selection: The case of Chiang Mai smart bus https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2549 <p>To study about commuters’ use of Chiang Mai public bus, the result illustrated that most commuter is local students. In addition, income and accommodation around place of living are the factors which influence to frequency of use of public bus in a week. Time period when people travel most is at 08.00 am till 10.00 am. And there are different of commuters’ character each bus route, R1 route is the most travelled by student because there are some malls in the route while B3 route is most travelled by tourist due to the bus is heading to Chiang Mai airport. Most factors which commuters satisfied on public bus are bus physical, cleanliness, the way that driver driving, temperature on board and seat quality.</p> Sasithorn Yamngarm, Siwarat Kuson ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2549 Wed, 25 Jun 2025 00:00:00 +0700 Factors Affecting the Tourism Expenditure of Chinese Tourists in Mueang District, Chiangmai Province https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2684 <p>This study investigates the factors influencing the expenditure of Chinese tourists in Mueang District, Chiang Mai Province. Data were collected through questionnaires from 150 Chinese tourists. The findings reveal that income is the most significant factor affecting tourism expenditure. Specifically, for every 1,000-yuan increase in income, daily tourism spending rises by 346 yuan. To attract more Chinese tourists to Chiang Mai, the government should target specific groups by disseminating tailored tourism information. As most respondents in the study were self-employed, promotional efforts should focus on private business owners, offering special privileges to encourage their visits. Additionally, <br />the development and promotion of natural attractions should be prioritized, as these were identified as the most preferred destinations among tourists.</p> Thanawan Thumson, Siwarat Kuson ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2684 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 Willingness to Pay for Soy Milk Among Muslim Farming Households in Southern Thailand. https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2704 <p>The purposes of this study were to examine the behavior of tourists who have traveled to Khon Kaen province and to study multi-attraction visits in Khon Kaen Province, which is currently ranked second in the Northeastern region for visitor numbers and tourism income. The study population consisted of tourists who have traveled to Khon Kaen province. This research identified the most popular attractions taken by tourists from one attraction to another. Using primary data collection methods, the study found that the five most popular tourist attractions were Central Plaza Khon Kaen, Wat Nong Wang, Ubolratana Dam, Ton Taan Market, and Khon Kaen Zoo. The data was analyzed using descriptive statistics for general information and tourist behavior, and inferential statistics for tourist attraction sequences through Social Network Analysis (SNA) using the UCINET program to demonstrate the travel network within Khon Kaen Province. The study revealed that Central Plaza Khon Kaen was the central tourism attraction, with tourists typically traveling from there to Ton Taan Market, Ubolratana Dam, Wat Nong Wang, and Khon Kaen Zoo. The findings regarding tourist travel patterns can inform policy planning for tourism supply and development, including linking tourism programs, integrating attractions, clearly defining tourist areas, planning transportation systems, developing travel infrastructure, and maintaining roads and traffic connections between attractions, all to further develop Khon Kaen's tourism potential.</p> Narid Thaiburi, Teerat Phubenyapong, Somruedee Yorsin, Jidapa Milinthangkun, Parpitchaya Chintapitaksaku ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2704 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 อิทธิพลของการดำเนินงาน ESG และอัตราส่วนทางการเงินต่อผลการดำเนินงานของภาคการท่องเที่ยว: กรณีศึกษาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2729 <p>การดำเนินธุรกิจปัจจุบันมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาธิบาล (ESG) เพื่อการเป็นที่ยอมรับทางสังคมหรือในแง่ของผลการดำเนินงานที่ส่งเสริมความยั่งยืนขององค์กร การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์อิทธิพลของการบริหารจัดการ ESG และอัตราส่วนทางการเงินที่มีต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของภาคการท่องเที่ยวที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงปี 2563-2567 ผลการศึกษาจากสมการถดถอยแบบควอนไทล์ด้วยข้อมูลแบบพาแนลยืนยันตรงกันว่าการบริหารจัดการ ESG มีอิทธิผลเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานทางการเงินทุกระดับของบริษัทโดยไม่มีความแตกต่างกันไม่ระหว่างบริษัทที่มีผลดำเนินงานทางการเงินต่ำหรือสูง และยังพบว่าตัวแปรอัตราส่วนทางการเงินทุกตัวแปรมีอิทธิพลต่อผลการดำเนินงานทางการเงินโดยเฉพาะอัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์รวมและอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ นอกจากนี้การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 นั้นมีอิทธิพลเชิงลบต่อผลการดำเนินงานทางการเงินอย่างชัดเจนโดยเฉพาะบริษัทที่มีระดับผลดำเนินงานทางการเงินต่ำจะได้รับผลกระทบสูง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ ESG และการจัดการสินทรัพย์ที่ดีมีคุณภาพพร้อมการบริการจะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และการเติบโตทางธุรกิจของภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน</p> Apiwat Ayusuk, Chinnawat Kaewot, Ketsaraporn Suttapong ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so10.tci-thaijo.org/index.php/ECONMAEJO_JOURNAL/article/view/2729 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700